เมื่อลงจากเขาคิชกูฎแล้ว คณะกองทัพธรรมขึ้นรถบัส
เดินทางต่อไปยัง วัดเวฬุวัน ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาที่พระเจ้าพิมพิสารถวายแก่พระพุทธเจ้า วัดนี้เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา กล่าวคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โอวาทปาฏิโมกข์ ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา
โดยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน ๔ ประการ ได้แก่
๑.) เป็นสถานที่ทีพระสงฆ์สาวกรุ่นแรก ๑,๒๕๐ รูป ได้มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
๒.) พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดนี้เป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
๓.) พระสงฆ์ที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์
ผู้ทรงอภิญญา ๖
๔.) วันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถีขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๓
ดังนั้น
จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือวันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔
เมื่อผู้อ่านได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงร้องอ๋อว่า สถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวพันกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่เราเรียนมาตอนเด็กๆคือ "วันมาฆบูชา"นั่นเอง ถึงตรงนี้แล้วผู้เขียนคิดว่าเนื้อหาของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงในวันนั้นคงต้องมีความพิเศษและสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทรงแสดงให้พระอรหันตสาวกจำนวนถึง ๑,๒๕๐ รูปฟัง
จึงได้สืบค้นข้อมูลมาอ่านเป็นความรู้
เป็นการสร้างสัญญา(ความจำได้หมายรู้)ที่ดีแก่จิตใจของเรา ดังนี้
โอวาทปาติโมกข์ มักถูกกล่าวถึงในแง่หลักธรรม ๓ อย่างเดียวว่า เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่เราท่องจำกันตอนเด็กๆ ได้แก่ การทำความดี
ละเว้นความชั่ว และการทำจิตใจให้ผ่องใส แต่แท้จริงแล้ว ยังมีส่วนอื่นที่เป็นหลักการที่สำคัญของพระพุทธศาสนา
ได้แก่ ความเหมือนและความแตกต่างของพระพุทธศาสนากับลัทธิความเชื่ออื่นๆที่แพร่หลายอยู่ในขณะนั้น รวมถึงวิธีการวางตัว การปฏิบัติตนของพระภิกษุ ที่จะออกไปเผยแพร่ "พรหมจรรย์" วิธีการครองชีวิตอันประเสริฐ เพื่อให้บรรลุถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ พระนิพพาน อย่างไรก็ตามพระพุทธพจน์
๓ คาถากึ่ง อาจสรุปใจความได้เป็นสามส่วน คือ หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔
และวิธีการ ๖
ธรรมของพระพุทธองค์ต้องใช้ใจฟังจึงขอให้ผู้อ่านอ่านโดยใช้ตาเนื้อค่อยๆอ่านอักษร(รูป)ที่แสดงเนื้อธรรม และใช้ ตาใน
คือ ใจผู้รู้ระลึกรู้ รู้สึกให้เข้าไปที่ใจ(นาม)
ให้ใจเป็นภาชนะรองรับเนื้อธรรมที่ไหลรินเข้าสู่จิตสู่ใจ ดังนี้
พระพุทธพจน์คาถาแรก
ทรงกล่าวถึงอุดมการณ์อันสูงสุดของพระภิกษุและบรรพชิตในพระพุทธศาสนานี้
อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น อันอาจเรียกได้ว่า อุดมการณ์
๔ ของพระพุทธศาสนา ได้แก่
๑.) ความอดทนอดกลั้นเป็นสิ่งที่นักบวชในศาสนานี้พึงยึดถือ และเป็นสิ่งที่ต้องใช้เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจทุกอย่างที่ต้องเจอในชีวิตนักบวช เช่น ประสงค์ร้อนได้เย็น ประสงค์เย็นได้ร้อน
๒.) การมุ่งให้ถึงพระนิพพานเป็นเป้าหมายหลักของผู้ออกบวช มิใช่สิ่งอื่นนอกจากพระนิพพาน
๓.) พระภิกษุและบรรพชิตในพระธรรมวินัยนี้ (เช่น ภิกษุณี สามเณร สามเณรี สิกขมานา) ไม่พึงทำผู้อื่นให้ลำบากด้วยการเบียดเบียนทำความทุกข์กายหรือทุกข์ทางใจไม่ว่าจะในกรณีใดๆ
๔.)
พึงเป็นผู้มีจิตใจสงบจากอกุศลวิตกทั้งหลายมีความโลภ โกรธ หลง เป็นต้น
พระพุทธพจน์คาถาที่สอง
ทรงกล่าวถึง "หลักการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวงโดยย่อ" หรือ หลักการ ๓ กล่าวกันเป็นการสรุปรวบยอดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอันเป็นแนวทางที่พุทธบริษัทพึงปฏิบัติ
ได้แก่
๑.) การไม่ทำบาปทั้งปวง
๒.) การทำกุศลให้ถึงพร้อม
๓.) การทำจิตใจให้บริสุทธิ์
มีผู้อธิบายว่าทั้งสามข้อนี้อาจอนุมานเข้ากับ ศีล สมาธิ และปัญญา
พระพุทธพจน์คาถาที่สาม
หมายถึงวิธีการที่ธรรมทูตผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นกลยุทธ
พระภิกษุที่ออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาซึ่งมีเป็นจำนวนมากให้ใช้วิธีการเหมือนกันเพื่อจะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและถูกต้องเป็นธรรม
ได้แก่ วิธีการทั้ง ๖
๑.) การไม่กล่าวร้าย
(เผยแผ่ศาสนาด้วยการไม่กล่าวร้ายโจมตีดูถูกความเชื่อผู้อื่น)
๒.) การไม่ทำร้าย(เผยแผ่ศาสนาด้วยการไม่ใช้กำลังบังคับข่มขู่ด้วยวิธีการต่างๆ)
๓.)
ความสำรวมในปาติโมกข์ (รักษาความประพฤติให้น่าเลื่อมใส)
๔.) ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร
(เสพปัจจัยสี่อย่างรู้ประมาณพอเพียง)
๕.) ที่นั่งนอนอันสงัด
(สันโดษไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ)
๖.) ความเพียรในอธิจิต
(พัฒนาจิตใจเสมอมิใช่ว่าเอาแต่สอนแต่ตนเองไม่กระทำตามที่สอน)
เมื่ออ่านเนื้อความในโอวาทปาติโมกข์อย่างตั้งใจแล้ว
พบว่าเนื้อความในโอวาทปาติโมกข์นี้ มีความลึกซึ้งยิ่งนัก ทั้งหลักการเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทรงสอนให้ไม่เบียดเบียนศาสนาอื่นหรือการสอนเขาได้ และเราต้องทำตามที่สอนได้ด้วย
หลักธรรมนี้เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
หากเราดำรงไว้ซึ่งความมีสติสัมปชัญญะในชีวิตประจำวัน การคิด การกระทำ และคำพูด ให้เป็นไปตามหลักธรรมนี้
นับได้ว่าเราเป็นผู้ประพฤติ "พรหมจรรย์"
มีการครองชีวิตอันประเสริฐ
ที่สุดแล้วจะมีสติปัญญาในทางธรรมตามกำลังของตนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น