เมื่อปฏิบัติบูชาแล้ว
คุณแม่ได้ให้กองทัพธรรมแบ่งกันเป็นชุดๆ ทยอยเข้าไปกราบกราบพระพุทธรูปปางพระปรินิพพานที่เป็นตัวแทนของพุทธองค์ภายใน "มหาปรินิพพานวิหาร"และเดินเวียนรอบ “พระสถูปปรินิพพาน”
ขอให้เราได้น้อมใจระลึกถึงในห้วงเวลาก่อนเสด็จปรินิพพาน
พระพุทธองค์ทรงพระประชวรอย่างหนัก และมีพระสรีระที่ชราภาพมากแล้ว
ยังต้องเดินทางรอนแรมด้วยพระบาทเปล่าถึง ๙๐ วัน ในขณะที่พระชนมายุ ๘๐ พรรษา
ทั้งทรงตรากตรำต่องานบำเพ็ญพุทธกิจมา ๔๕ พรรษา ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานใต้ต้นสาละ
ณ กรุงกุสินาราแห่งนี้
เมื่อเข้าไปกราบพระพุทธรูปปางพระปรินิพพาน
ซึ่งประดิษฐานบนแท่นที่ไม่สูงนัก ขนาดองค์ท่านยาว ๒๑ ฟุต สูง ๒ ฟุต พร้อมทั้งมองพระองค์ท่านเพื่อประทับไว้ในความทรงจำ
พระพุทธรูปองค์นี้ปั้นอย่างเรียบง่าย งดงาม
พระพักตร์ของพระพุทธองค์ที่ดูเหมือนท่านทรงนอนหลับ พระพักตร์ไม่มีความกังวล
เหมือนตามที่อ่านมาจริงๆ ผู้เขียนและเพื่อนแม่ๆเข้าไปกราบระลึกถึงพระองค์ท่าน
จากนั้นก็เดินเวียนเทียนรอบพระองค์ท่านสามรอบ และปิดทองที่พระบาทของพระพุทธรูป
ขณะที่ปิดทองที่พระบาทนี้
พระที่ดูแลสถานที่ได้นำผ้าโปร่งสีเหลืองทองที่เก็บไว้ใต้ชายจีวรของพระพุทธรูปออกมาส่งให้แม่พรหมจาริณีที่มาปิดทองด้วยกัน
พร้อมกับบอกว่าให้เราทั้งสอง (Both of you)
ภายหลังมื่อเปิดออกดู ปรากฏว่า ผ้านี้มีทั้งหมด ๓ ผืน
แม่พรหมจาริณีที่ได้รับผ้ามาจึงแบ่งให้ผู้เขียนและเพื่อนแม่พรหมจาริณีอีกท่าน พวกเราดีใจมากที่ได้ผ้านี้มาบูชา
เสมือนได้ตัวแทนของพระพุทธองค์มาอยู่ใกล้ๆ
ใจของผู้เขียนชุ่มชื่นและค่อยคลายความเศร้าลงบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น