หน้าเว็บ

8/19/2558

นักบวชสตรี ๑๕.นาลันทามหาวิหาร


          หลังการรับประทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายเป็นการไปจาริกแสวงบุญ ณ นาลันทามหาวิหาร หรือที่นิยมเรียกกันว่า "มหาวิทยาลัยนาลันทา" ซึ่งอยู่ห่างจากนครราชคฤห์ประมาณ ๑๓ กิโลเมตร  โดยไปกราบหลวงพ่อองค์ดำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณด้านท้ายของนาลันทาก่อน แล้วจึงไปมหาวิทยาลัยนาลันทาซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์อันยิ่งใหญ่แห่งแรกของโลก
        ก่อนจะมาที่นาลันทานี้ ผู้เขียนตั้งใจมากที่จะมากราบหลวงพ่อองค์ดำ เนื่องด้วยหลวงพ่อที่เป็นครูบาอาจารย์ทางธรรมของผู้เขียนท่านเคยมา ท่านได้ถ่ายรูปหน้าหลวงพ่อองค์ดำ รูปนี้มีความพิเศษคือมีลำแสงจากพระเนตรของหลวงพ่อองค์ดำลงมาเชื่อมกับศีรษะของหลวงพ่อ หลวงพ่อได้จัดทำภาพนี้แจกให้ลูกศิษย์ไว้บูชา  ท่านไม่ได้กล่าวถึงลำแสงนี้  หากแต่เล่าให้ลูกศิษย์ฟังด้วยคำพูดง่ายๆว่า
          "นี่ไง หลวงพ่อองค์ดำ ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ไฟไม่ไหม้ เขาเผามหาวิทยาลัยนาลันทาหมด พระสงฆ์มรณภาพมากมาย เหลือแต่หลวงพ่อองค์ดำองค์เดียวไม่ไหม้ไฟ"
          ผู้เขียนจึงตั้งตารอวันที่จะได้มาเมืองนาลันทา ด้วยอยากกราบหลวงพ่อองค์ดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปหินดำองค์ใหญ่สุดที่เหลือจาการเผาทำลายของกองทัพมุสลิมเตอร์ก เมื่อขบวนรถบัสเดินทางถึงลานจอดรถที่ใกล้กับสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์ดำ มีรถม้ารับจ้างมารอรับคณะกองทัพธรรม  พระภิกษุและแม่ๆ บางท่านก็เดินเท้าเข้าไป บางท่านเช่นผู้เขียนและแม่ๆใหม่ก็ใช้บริการรถม้าของชาวบ้าน แสงแดดจัดและอากาศยามบ่ายร้อนมากน่าจะมีอุณหภูมิสูงกว่าสี่สิบองศาเซลเซียส  ชาวบ้านและเด็กๆชาวอินเดียดูจะคุ้นเคยกับการมาของนักแสวงบุญ พวกเขาดูมีชีวิตชีวาที่จะชวนเราขึ้นรถม้า พ่อค้าเร่ก็เดินตามร้องบอกเชิญชวนให้ซื้อสินค้าของตน เด็กๆก็แข่งกันมาขอสตางค์ แม้จะต้องระมัดระวังการให้ทานที่อาจก่อให้เกิดความลำบากใจในการถูกรุมขอ แต่ตลอดการเดินทางแม่ๆใหม่ก็หาจังหวะที่เหมาะสมของตนเองในการให้ทานที่จะไม่ก่อให้เกิดความชุลมุน ซึ่งบางครั้งก็ทำไม่สำเร็จ รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย อันนี้นับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ไม่ควรลอกเลียนแบบเพราะอาจเกิดอันตรายได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น