ขณะนั่งบนรถม้ากับแม่ๆใหม่อีกห้าหกท่าน
มีเด็กชายชาวอินเดียคนหนึ่งวิ่งตามรถม้าและเล่าเรื่องเกี่ยวกับนาลันทาเป็นภาษาอังกฤษด้วยคำศัพท์ง่ายๆ ผู้อ่านลองนึกภาพยามบ่ายที่แดดร้อนจัด มีรถม้าเก่าๆกำลังวิ่งปุเลงปุเลง บนรถม้ามีแม่ๆใหม่ที่ปลงผมแล้วครองผ้าสีกรัก
บ้างก็กางร่ม บ้างก็คลุมศรีษะบังแดดด้วยผ้าสีเดียวกันโผล่มาแต่ใบหน้าบ้าง
ลูกกะตาบ้าง แม่ๆนั่งหันหลังชนกันอยู่ห้าหกท่านบนรถม้าที่วิ่งโยกเยกปุเลงๆ(ซึ่งม้าก็คงทั้งร้อนและหนัก บางท่านสงสารม้าเลยไม่ใช้บริการ
แต่หากมองอีกมุมหนึ่งก็เป็นการหาเลี้ยงชีพของเขา)
ข้างๆรถม้าก็มีเด็กชายตัวผอมๆดำๆสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวสุภาพที่ดูน่าจะเป็นชุดหล่อที่สุดสำหรับเขา ชุดหล่อนี้ มีสีมอๆเนื้อผ้ายับๆเนื่องจากไม่ผ่านการรีด เด็กน้อยนี้ วิ่งเท้าเปล่ากวดตามรถม้า ปากก็พูดเล่าเรื่องราวเป็นภาษาอังกฤษด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย มือก็ชี้ชวนชมอธิบายเรื่องราวเจื้อยแจ้วไม่ขาดปากด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและสายตาที่เป็นประกายมีความหวังจะได้รางวัลจากการทำงานเป็นมัคคุเทศก์น้อย ผู้เขียนและเพื่อนแม่ๆใหม่อดยิ้มอย่างเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้
เมื่อรถม้าถึงหน้าวิหารหลวงพ่อองค์ดำ เด็กน้อยก็แบมือขอรางวัล ซึ่งแน่นอนว่าแม่ๆทุกคนให้อย่างเต็มใจ เมื่อนึกถึงเด็กน้อยคนนี้ทีไร
ใจของผู้เขียนจะสดชื่นจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ทุกที
สิ่งสวยงามของเด็กน้อยชาวอินเดียที่นี่คือ มีอยู่คราวหนึ่งผู้เขียนเผลอทำย่ามหล่นจากรถม้า
ท่ามกลางเด็กน้อยที่กำลังรุมขอสตางค์พวกเราอยู่
เด็กเหล่านั้นรีบเก็บย่ามส่งมาคืนผู้เขียนอย่างเต็มอกเต็มใจ ผู้เขียนสบตาเด็กน้อยก็พบกับดวงตาที่ใสซื่อ
แววตาหวาดกลัวน้อยๆราวกับจะบอกว่า ของนี้ไม่ใช่ของเขา
ที่เขารีบหยิบขึ้นมาเพื่อจะรีบส่งคืนให้อย่างรวดเร็วให้พ้นมือของเขา ไม่ได้ต้องการนำไปไหน ผู้เขียนซาบซึ้งใจว่า เด็กๆเขาเพียงแต่ขอ เขาไม่ได้เป็นขโมย เด็กบริสุทธิ์เหล่านี้มีศีลข้อที่ ๒ เขาขอเราไม่ให้
เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ดังนั้นเราไม่ให้เราก็ต้องไม่ว่าเขาเหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น