สมัยเด็กๆ
ปู่ย่าตายายขู่ไว้ว่า ถ้าถูกตุ๊กแกกัด มันจะกัดไม่ปล่อย จะโชคร้ายมาก ต้องกินขี้
๑๐ ตุ่ม มันจึงจะปล่อย และถ้าเราดื้อ ตุ๊กแกจะมากินตับ หรืออีกเรื่อง คือ ตุ๊กแก
ร้องว่า "ตับแก่ ๆ" เพื่อเรียกให้งูมากินตับแก่ของมัน ประกอบกับรูปร่างหน้าตาของตุ๊กแกน่ากลัวมาก
มีหนังหนาๆ ตากกลม ปากกว้าง ตัวสีเขียวๆฟ้าๆมีจุดแดงๆส้มๆเต็มตัวไปหมด แม่แก้วจึงขอร้องให้พ่อบุญช่วยดำเนินการจับตุ๊กแกไปปล่อย
(ทั้งๆที่ความจริงมันอยู่บ้านนี้มาก่อนเรา แต่เรามาทีหลังดังกว่า)
เมื่อตกลงใจได้ว่าเรากับตุ๊กแกจะเข้าโครงการจากกันด้วยดีแล้ว
(จริงๆ คือ เราตกลงใจกันเอง ตุ๊กแกไม่ได้ตกลงด้วย) พ่อบุญจึงจัดหาอุปกรณ์จับตุ๊กแก
โดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อ จากการสอบถามผู้รู้ ซึ่งก็คือรุ่นพี่ทหารเรือในที่ทำงานนั่นแหละ
พี่เขาแนะนำกันต่างๆนานา มีวิธีหนึ่งที่ดูน่าเชื่อถือที่สุด คือ ให้ซื้อยาฉุนมาปั้นเป็นก้อนติดปลายไม้ยาวๆไปแกว่งล่อให้ตุ๊กแกงับกลืนเข้าไป
เสร็จแล้วมันจะเมายาฉุน ตกลงมาให้เราจับตัวไปปล่อยได้โดยละม่อม เราสองคนจึงขี่มอเตอร์ไซด์ไปซื้อยาฉุนจากร้านลุงในบางเสร่
มาล่อให้ตุ๊กแกงับ (ร้านลุงเป็นตึกไม้เก่าๆสองห้องบนถนนสายริมทะเลบางเสร่ ที่มีของขายทุกอย่างที่เราต้องการ)
แต่ผลการดำเนินการครั้งแรก ครั้งสอง และครั้งต่อๆมาไม่ประสบผลสำเร็จ เจ้าตุ๊กแกไม่ยอมกินยาฉุน
ไม่ว่าเราจะล่อให้ใกล้ปากยังไงก็ตาม
เมื่อ Plan A ไม่สำเร็จ เราจึงคิด
Plan B คือ แผนของพ่อบุญ มีชื่อว่า
"ปฏิบัติการพาตุ๊กแกคืนสู่ป่า" (จริงๆน่าจะเรียกวาแผนไล่ตุ๊กแกออกจากบ้านมากกว่า)
ยุทโธปกรณ์ที่ใช้ใน Plan B ประกอบด้วย ไม้กวาดเพดานด้ามยาวที่ซื้อมาจากร้านลุงในบางเสร่ ผ้าขนหนูหนาๆที่ไม่ใช้เช็ดตัวแล้ว
และถุงก๊อบแก๊บขนาดใหญ่พอใส่น้องตุ๊กฯและผูกปากถุงได้
ขั้นตอนการปฏิบัติ
เริ่มด้วยเงยหน้ามองหาตุ๊กแกเป้าหมายบนเพดานหรือผนังบ้าน เมื่อเจอเป้าหมายแล้ว
พ่อบุญจะนำไม้กวาดเพดานด้านที่มีขนไม้กวาดเล็งให้ดีที่ตัวตุ๊กแก จากนั้นปัดลงมา
ขั้นตอนนี้พ่อบุญทำอย่างว่องไวมาก กล่าวคือ ต้องปัดไล่ไปเรื่อยๆจนตุ๊กแกหล่นลงมาที่พื้น
จากนั้นก็เอาไม้กวาดอันเดียวกันนี้แหละกดตัวตุ๊กแกไว้
"ยัยโกะๆเอาถุงกับผ้ามาเร็วๆแล้วมาจับไม้กวาดกดไว้แน่นๆนะ"
ยัยโกะ
คือ ฉายานามที่พ่อบุญชอบใช้เรียกแม่แก้ว ยัยโกะที่ยืนเชียร์อยู่ก็จะรีบกระวีกระวาดไปรับช่วงถือไม้กวาดกดตัวตุ๊กแกไว้พร้อมกับส่งผ้าและถุงที่เตรียมไว้ให้พ่อบุญนำไปจับตัวตุ๊กแกที่กำลังดิ้นกระแด่วๆอยู่
ขั้นตอนนี้มีเทคนิคคือ คนกดต้องกดแรงๆ แต่ห้ามแรงจนตุ๊กแกบาดเจ็บ
คนจับต้องใช้ผ้าทบให้หนาพอที่ตุ๊กแกจะงับเราไม่ได้ แต่ต้องไม่หนาไปไม่งั้นจะจับไม่ถนัด
พ่อบุญจับตุ๊กแกตรงคอไม่ให้มันกระดุกกระดิกได้ นำมันใส่ถุงก๊อบแก๊บมัดปากถุง (พ่อบุญบอกว่า ตอนเด็กๆเล่นในทุ่งนาแถวบ้าน ชอบจับสัตว์ต่างๆเล่นบ่อยๆเลยไม่กลัวการจับตุ๊กแก)
จากนั้นก็ขอกุญแจรถมอเตอร์ไซด์ขับปุเลงๆ มือนึงจับแฮนด์รถอีกมือถือถุงตุ๊กแกออกไปปล่อยไกลๆบ้านเรา สถานที่ปล่อยประจำคือปลายแหลม (เป็นคลังการเรือที่มีสะพานยื่นออกไปในทะเล
ใช้สำหรับเรียนการเรือของนักเรียนจ่าทหารเรือ) เนื่องจากที่นี่มีเพื่อนตุ๊กแกเยอะ
และมีแสงไฟล่อแมลง จึงไม่น่าจะอดตาย ประกอบกับถ้าปล่อยในป่า
ก็อาจไปอยู่บ้านคนอื่นให้เขาว่าเอาได้
ช่วงนั้น
กิจวัตรประจำวันของบ้านเราในตอนเช้าก่อนไปทำงาน และตอนเย็นหลังเลิกงาน ได้แก่
การสอดส่ายสายตามองหาตุ๊กแกที่เกาะอยู่ตามผนังบ้าน และตามเพดาน เมื่อพบแล้วก็ชวนกันลงมือจับตุ๊กแก
เราทำงานกันเป็นทีม พ่อบุญชำนาญการจับขึ้นเรื่อยๆ
จากที่กว่าจะจับได้ใช้เวลานาน หรือตุ๊กแกหนีรอดไปได้บ้าง เป็นจับได้เร็วขึ้น
ส่วนยัยโกะก็ส่งอุปกรณ์กับทำหน้าที่กดตัวตุ๊กแกได้แน่นขึ้น ไม่เก้ๆกังๆ
จนดิ้นหลุดเหมือนหนแรกๆ บางคราวพ่อบุญจับตุ๊กแกได้แล้ว
ยังมีลูกเล่นถือตุ๊กแกมาแกล้ง "แฮ่" ใส่แม่แก้วได้อีก (นิสัยไม่ดีมาก) ในที่สุดตุ๊กแกแกก็ถูกพาออกจากบ้านจนเหลือตัวสุดท้าย
เจ้าตัวสุดท้ายนี้ ตัวใหญ่มาก น่าจะเป็นพ่อตุ๊กแก หรือหัวหน้าตุ๊กแก เราจับได้ในเช้าก่อนไปแถวเวลา ๐๘๓๐ บังเอิญใกล้เวลาแถว เลยวางตุ๊กแกใส่ถุงใว้หน้าบ้านแล้วไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวไปทำงาน
กะว่าจะพาไปปล่อยตอนออกจากบ้านไปแถว แต่ลืมสนิท จนพักกลางวันกลับมาบ้านซอย ๒ (บ้านเรากับที่ทำงานอยู่ห่างกันแค่
๕๐๐ เมตร เลยกลับบ้านทุกพักกลางวัน) ผลปรากฏว่าเจ้าตุ๊กแกโชคร้ายต้องตากแดดอยู่ในถุงครึ่งวัน
กว่าพ่อบุญจะพาไปปล่อย พ่อบุญบอกว่า ตอนปล่อยมันออกจากถุง
มันค่อยๆคลานออกจากถุงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง (น่าสงสารจัง ขออโหสินะ)
หลังจากนั้นมา
บ้านเราก็ปลอดตุ๊กแกโดยสิ้นเชิง แม่แก้วดีใจมากที่ได้นอนในห้องนอนที่ไม่มีตุ๊กแกอีกต่อไป
สำหรับสิงสาราสัตว์อื่นๆในบ้านซอย ๒
ได้แก่ นกที่มาทำรังออกไข่ที่ประตูทางออกหลังบ้าน
นกที่หลงเข้ามาบินในบ้านแล้วหาทางออกไม่ได้ บินหาแสง บินชนกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนต้องช่วยนำออกไป
งูเขียวตัวเล็กที่เลื้อยเข้ามาทางหน้าต่างช่องบันได
ค้างคาวที่มานอนห้อยหัวในห้องน้ำชั้นล่างทุกวัน (เช้ามานอนเย็นออกไปหากิน) แมลงสาบที่มีมากมาย จนต้องฉีดยาปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้
เก็บศพได้เป็นกระป๋อง หนูที่ใช้กรงดักไปปล่อยไกลๆ ผึ้งหรือต่อที่ทำรังตามผนังบ้าน จิ้งจกที่มาอยู่มากมายแทนตุ๊กแก มด แมลงหวี่ และแมลงเม่าที่มาเล่นไฟหลังฝนตก ฯลฯ สัตว์เหล่านี้
บางชนิดเป็นสัตว์พาหะ จึงต้องใช้วิธีจากกันด้วยสันติ
ยกเว้นบางกรณีที่ไม่สามารถทำได้อาจจำใจต้องใช้มาตรการเด็ดขาดบ้าง
หลังจากพ่อบุญกับแม่แก้วเข้าไปอยู่บ้านร้างซอย
๒ ได้สักพักสิงสาราสัตว์เหล่านี้ก็ทยอยอพยพออกไป
ส่วนบ้านที่ตอนแรกดูร้างและทรุดโทรมจนไม่น่าจะอยู่ได้ เมื่อมีคนเข้าไปอยู่ก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้น
คนที่มาเยี่ยมบ้านมักทักว่าบ้านเปลี่ยนไปมาก
ไม่น่าเชื่อว่าบ้านร้างที่เต็มไปด้วยต้นไม้รกครึ้มและสิงสาราสัตว์
จะกลายมาเป็นบ้านที่สะอาดสะอ้านมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ^___^