ตอนเย็นหลังเลิกงาน เสียงเพลงของพี่แจ้
(ดนุพล แก้วกาญจน์) และเสียงดีดกีตาร์ ที่ร้องและเล่นโดยพ่อบุญ ดังลั่นซอยมาจากบ้านแฝดหลังติดกับบ้านแม่แก้ว
แม่แก้วว่ามันเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจที่เชยและเฉิ่มมากสำหรับเด็กกรุงเทพฯอย่างแม่แก้ว
(ช่างทำไปได้) แต่คนร้องก็ตั้งใจร้องมาก จนไม่กล้าที่จะว่าอะไร (เพราะผู้ชายงอนนี้
ง้อยากกว่าผู้หญิงงอนมากหลายเท่า) เอาเป็นว่าเขามาแนวเฉิ่มๆละกัน
ช่วงนั้น
หลังจากทำงานได้สักปีกว่า เพื่อนๆที่มาทำงานพร้อมๆกันในรุ่นรวมถึงนายทหารฝึกบางนาย
ก็ทยอยกันจัดงานแต่งงานสร้างครอบครัว
แม่แก้วเองก็เช่นกัน ได้แต่งงานกับพ่อบุญในช่วงต้นปี พ.ศ.๒๕๓๑ ตอนนั้นแม่แก้วเป็นเรือตรีหญิง
และพ่อบุญเป็นเรือโท
การแต่งงานตั้งแต่เข้าทำงานได้สักปีกว่าๆนี้
สำหรับเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันจัดว่าเร็วมากจนเพื่อนๆตกใจ
แต่สำหรับเพื่อนทหารเรือในรุ่นเดียวกันนี้ ถือว่าช่วงนั้นเป็นช่วงฮิตของการชวนกันแต่งงาน
แม่แก้วจำได้ว่าพวกเราว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่แต่งงานนัดไปจดทะเบียนสมรสกันที่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบ
พร้อมกัน ๓ คู่ โดยผลัดกันเป็นพยานให้กัน บรรยากาศตอนจดทะเบียนชื่นมื่นมาก
นายอำเภอพูดคุยอย่างเป็นกันเอง เมื่อจดทะเบียนแล้ว พวกเราจะนำทะเบียนสมรสมาเป็นหลักฐานในการยื่นขอบ้านหลวงประเภทบ้านครอบครัว
เนื่องจากบ้านแฝดซอย ๓ เป็นบ้านพักสำหรับนายทหารหญิงโสด และ BOQ เป็นที่พักสำหรับนายทหารชายโสด
เมื่อแต่งงานแล้วต้องย้ายออกไปอยู่บ้านครอบครัว
ตอนนั้นไม่มีบ้านครอบครัวชั้นสัญญาบัตรว่างเลย
ผู้บังคับการ รร.ชุมพลฯ ในช่วงนั้น ท่านใจดีมากและสนับสนุนให้เราแต่งงานสร้างครอบครัว
ท่านบอกว่าแต่งไปก่อนแล้วค่อยๆช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวดีกว่ามัวรอเก็บเงินเก็บทองให้มีบ้านมีรถพร้อมก่อนอาจนานมากจนไม่ได้แต่ง
ท่านได้อนุญาตให้นายทหารเด็กๆอย่างเราใช้บ้านสำหรับชั้นยศนายนาวาที่ทิ้งร้างที่ไม่มีคนอยู่มาหลายปีเป็นบ้านสร้างครอบครัว
บ้านหลังแรกของครอบครัวเรานี้ตั้งอยู่ที่ซอยที่
๒ จากทะเล หากเข้าซอยสองแล้วจะเป็นหลังแรกทางขวามือ หน้าบ้านติดถนนซอย ๒ ด้านหลังบ้านใกล้ทะเล
หันหลังชนกับบ้านรับรองซอย ๑ ที่อยู่ติดทะเล
จากบ้านหลังนี้จึงมองเห็นชายทะเลชัดเจน บรรยากาศจึงเป็นธรรมชาติมากๆ
เพราะได้นอนฟังเสียงคลื่นทุกวัน โดยเฉพาะช่วงมรสุมเข้า คลื่นลมแรงมากจนรีดเข้าทางช่องผนังไม้
ดังหวีดๆ ทั้งวันทั้งคืน
หน้าบ้านหลังนี้
มีต้นมะขามขนาดใหญ่มาก ๑ ต้น ต้นมะขามต้นนี้ เมื่อเข้าอยู่แล้ว แม่แก้วได้เก็บฝักสุกที่หล่นพื้นมาแกะเปลือกทำมะขามเปียกทานเองและแจกญาติๆได้มากมาย
เก็บเท่าไรก็ไม่มีวันหมด บางทีแม่บ้านทหารเรือในละแวกก็มาขอเก็บไปทำมะขามเปียกขายหารายได้
รอบๆบ้านซอย ๒ เป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่บ้านหลวงนี้จะตั้งห่างๆกันมาก
เหมือนกับว่าบ้านเราอยู่กลางทุ่งยังไงยังงั้น
ตัวบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่มาก
มีห้องโถง ห้องทานข้าว ห้องน้ำ มีห้องครัว ห้องนอน-ห้องน้ำปูนเปลือยสำหรับพลทหารอยู่ด้านหลังบ้าน
ชั้นบนมีห้องนอนขนาดใหญ่มาก ๒ ห้อง ห้องน้ำ ๑ ห้อง กับระเบียงขนาดใหญ่ หน้าบ้านมีที่จอดรถยนต์ได้ ๒ คัน รอบตัวบ้านเป็นขอบปูนกว้างสัก
๑ เมตร บ้านสมัยก่อนนี้ สร้างอย่างแข็งแรง แม้จะมีอายุเก่าแก่มาก
แต่โครงสร้างหลักของบ้านยังแข็งแรงดีอยู่
บรรยายกาศตอนได้รับมอบบ้านใหม่ๆ
(ได้รับบ้านใหม่ๆ แต่บ้านที่ได้เป็นบ้านร้างเก่ามาก)
ก่อนเข้าอยู่ สภาพบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้เลื้อยคลุมตัวบ้าน รกครึ้มดูน่ากลัว
ไม่น่าจะอยู่ได้ ตอนเปิดบ้านเข้าไปดูครั้งแรก
เราสองคนต้องค่อยๆโผล่ศรีษะเข้าไปก่อน แล้วสอดส่ายสายตามองสำรวจโดยใช้ไฟฉายส่องดู
ก่อนที่จะค่อยๆย่องเข้าไปในบ้าน ด้วยความกลัวว่าจะมีสัตว์จำพวกงูอาศัยอยู่
(สมัยนั้น มีบ้านร้างบางบ้านได้ชื่อว่า "บ้านงู" เพราะมีคนเห็นงูจงอางอาศัยอยู่ในบ้าน
เรื่องงูๆนี้ขอเก็บไว้เล่าในตอนต่อๆไป) เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีสัตว์ร้าย
มีแต่ตุ๊กแกตัวโตๆประมาณสิบตัวอยู่ทั้งชั้นบน ชั้นล่าง เต็มบ้านไปหมด
พ่อบุญซึ่งยังเป็นผู้หมวดหนุ่ม
ได้ไปยืมมีดพร้าและขวานมาตัดต้นไม้ที่ขึ้นรกรอบบ้าน ดึงกิ่งไม้ไม้เลื้อยที่เกาะอยู่กับตัวบ้านออก
ตอนนั้นทุกเย็นเราสองคนจะมีอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ ไม้กวาด ถังน้ำพลาสติก ๑ ใบ
กับผ้าขี้ริ้วคนละ ๑ ผืน เข้าไปกวาดถูบ้านทุกวันในตอนเย็นหลังเลิกงาน ใช้เวลาเกือบเดือน
พื้นบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ ขี้จิ้งจก ขึ้ตุ๊กแก ขี้ค้างคาว และขึ้แมลงสาบ
ฯลฯ จึงค่อยๆปรากฏลายไม้ให้เห็น ตอนนั้นเราไม่มีตังค์ซื้อแลกเกอร์มาเคลือบผิวไม้
ก็ใช้วิธีถูไปเรื่อยๆ ทุกวันวันละเล็กวันละน้อย จนพื้นขึ้นเงาและสะอาดขึ้นในที่สุด
นอกตัวบ้านมีแต่ต้นไม้ขึ้นพันรอบๆบ้าน
พ่อบุญได้ไปถางไปตัดออกให้โล่ง
ส่วนที่ยากที่สุด คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่มีรากไม้เนื้อแข็งงอกเกาะทั้งด้านในและนอกถังปูนเก็บน้ำอย่างแน่นหนาต้องออกแรงอย่างมากในการตัดและดึงออก จากนั้นล้างทำความสะอาดจนรองน้ำไว้ใช้ได้ ขั้นตอนพวกนี้พ่อบุญลงมือทำด้วยตัวเองเป็นหลัก
ส่วนแม่แก้วตอนนั้นยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น ได้แต่ช่วยกวาดถูบ้านบ้าง
ส่งเครื่องมือให้บ้าง เล็กๆน้อยๆ กับคอยชวนเถลไถลไปกินข้าวบ้าง ไปเที่ยวบ้าง แบบคนที่ยังไม่รู้ว่าเราจะแต่งงานแล้วต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น
บ้านหลวงในสัตหีบทุกหลังจะมีที่เก็บน้ำประปากับรองน้ำฝนไว้ใช้
เนื่องจากสัตหีบเป็นเมืองที่ฝนไม่ค่อยตก ใครไม่รู้บอกว่า เมืองเราเป็นเขตเงาฝน
ฝนไม่ค่อยตก น้ำประปาส่งมาจากฐานทัพเรือสัตหีบ
ข้ามเขามาชุมพลจึงมายาก เขาจะส่งมาให้ประมาณสัปดาห์ละ
๑-๒ ครั้งๆละ ประมาณ ๒ - ๓ ชม. เรียกว่าถ้ามาตอนเวลางานเราต้องลางานขออนุญาตอยู่บ้านรองน้ำกันเลยทีเดียว
ถ้าไหลมากกว่านี้ ถือว่าเป็นโชคเลย และน้ำที่ไหลมานี้ใช่ว่าจะใสสะอาด บางทีก็ขุ่น
มีตะกอนแดง แต่เรามีถังพักให้มาตกตะกอนก่อนใช้ สมัยก่อนจะใช้สายยางต่อน้ำให้มาใส่ถังสำหรับตักอาบในห้องน้ำ
บ้านไหนพอมีสตางค์หน่อยก็จะติดปั๊มน้ำไว้ปั๊มน้ำจากถังเก็บเข้ามาใช้ในตัวบ้าน
เมื่อทำความสะอาดบ้านร้างจากต้นไม้ที่ปกคลุมบ้านทั้งหลัง
จนกลายเป็นบ้านที่ดูสะอาดขึ้นแล้ว เราก็พบกับปัญหาใหม่ คือ
ตัวผนังบ้านที่ทำด้วยไม้เนื้ออ่อน มีปลวกกินไม้ผุจนผนังโหว่หลายจุดมาก เกินความสามารถของเราที่จะซ่อมเองได้ ตอนนั้นใกล้วันแต่งงานเข้าไปทุกที ยื่นเรื่องขอให้ซ่อมบ้านไปเป็นเดือนแล้ว
ยังไม่มีช่างมาซ่อมเสียที แม่แก้วจึงเดินข้ามถนนไปขอร้องหัวหน้าแผนกโยธาที่อยู่บ้านเยื้องๆกันในซอย
๒ ให้ช่วยซ่อมแซมจนพออยู่ได้ไปก่อน ซึ่งท่านได้เมตตาส่งช่างมาทันทีในวันรุ่งขึ้น ช่างมาเคาะตรวจไม้ผนังที่ผุ
ตัดออกและตีไม้ใหม่เข้าแทน พร้อมทั้งทาสีเหลืองอ่อนตามสีเดิมของตัวบ้าน
และซ่อมมุ้งลวดห้องนอนให้พออยู่ได้ ส่วนกระจกด้านบนผนังห้องนอนที่แตกบิ่นขนาดใหญ่ประมาณสักฝ่ามือกว่าๆ
เขาไม่มีเปลี่ยนให้ แม่แก้วจึงใช้วิธีตัดกระดาษแข็งขนาดพอๆกันกับรอยแตก แล้วปีนขึ้นไปปะด้วยเทปกาวแทนกระจกส่วนที่แตกหายไป
หลังจากที่ช่างซ่อมแซมบ้านเสร็จแล้ว บ้านร้างที่ทรุดโทรมเริ่มมีหน้าตาสะสวยพอจะดูเป็นเรือนหอขึ้นมาบ้างแล้ว
ชีวิตของข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีเงินเดือนน้อยนี้
ไหนจะต้องเตรียมเงินจัดงานแต่งงาน การตกแต่งเรือนหอจึงประหยัดสุดๆ แม่แก้วกับพ่อบุญจะหาซื้อของใช้ในบ้านราคาไม่แพง
ผ้าม่านก็ใช้ผ้าที่เราเลือกลายดอกไม้สีฟ้าเล็กๆ เข้ากับบรรยากาศชายทะเล ราคาเมตรละยี่สิบบาทมาเย็บแล้วใส่ลวดตอกตะปูขึงผ้าม่าน
บ้านร้างที่ตกแต่งแล้วนี้ มีบรรยากาศโบราณย้อนยุค คล้ายๆกับบ้านหลวงของผู้พันประจักรในละครดังเรื่อง
"วนิดา" หากแต่บ้านร้างนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์สวยๆต้องหาเอาเองตามมีตามเกิด
เช่น จากโต๊ะเก่าๆนำมาซ่อมแซมปูผ้าพลาสติกลายสวยๆราคาเมตรละสิบกว่าบาท ให้พอใช้งานได้
เมื่อมองย้อนกลับไปในวันที่เรามีเงินน้อยนิด
แต่เรากลับมีความสุขกับสิ่งของที่เราหามาเอง ซ่อมแซมเอง จัดบ้านเองทุกตารางนิ้ว บ้านร้างเก่าหลังนี้จึงกลายเป็นเรือนหอ
บ้านหลังแรกของครอบครัวอบอวลไปด้วยความรัก ความผูกพัน การร่วมทุกข์ร่วมสุข
ของวัยทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นบ้านที่แม่แก้วและพ่อบุญรักและผูกพันที่สุด
น่าแปลกที่เมื่อเทียบกับวันนี้ แม่แก้วมีเงินซื้อหาเฟอร์นิเจอร์สวยๆราคาเป็นหมื่น
นอนที่นอนหนานุ่ม ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แต่กลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ปลื้มใจกับความสวยงามและความสะดวกสบายของมันเท่าไรนัก
พ่อบ้านทหารเรือส่วนใหญ่จะเก่งเรื่องงานบ้าน
งานสวน และงานช่างดัดแปลงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ พ่อบุญเป็นผู้ชายธรรมดาๆ
ที่ไม่หล่อ ไม่รวย ไม่ทะเยอทะยาน จริงใจ ซื่อตรง และรักครอบครัว ซึ่งความธรรมดาๆเรียบง่ายนี้เอง
กลับเป็นของขวัญพิเศษ ที่ทำให้ชีวิตของการมีครอบครัวของเรามีความสุขตามอัตภาพ แม้จะไม่ร่ำรวย
แต่ก็พอมีกินมีใช้ตามประสาข้าราชการทหารชั้นผู้น้อยที่ไม่มีเงินเดือนมากมาย
งานแต่งงานใกล้เข้ามาทุกที
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียงปีกว่า นับจากวันแรกที่แม่แก้วก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในเกล็ดแก้ว
เมืองหลังเขาริมทะเลแสนสวยแห่งนี้มีมนต์เสน่ห์ลึกลับ
ได้ร่ายเวทย์มนต์โดยใช้พ่อบุญเป็นเครื่องมือในการดึงดูดแม่แก้วเข้าไปอยู่ด้วยจนสำเร็จในที่สุด
^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น