ดังที่เล่ามาในตอนก่อนหน้านี้ว่า
เกล็ดแก้วเป็นเมืองหลังเขาที่กว้างใหญ่ ด้านหนึ่งติดทะเลอ่าวเกล็ดแก้วทั้งอ่าว ส่วนอีกด้านติดกับทิวเขาที่ทอดยาวตลอดอ่าว
พื้นที่อันกว้างใหญ่ในเกล็ดแก้ว แบ่งเป็น ส่วนที่ทำงาน (บก.) ที่เรียน ที่ฝึก
ที่พักนักเรียนตามภาคต่างๆ (รวมถึงตึกรูปเพชรที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน
ขอเก็บไว้เล่าในตอนต่อๆไป) โรงเลี้ยง คลังตำรา สนามเล่นกีฬาต่างๆ ทั้งฟุตบอล
รักบี้ สระว่ายน้ำ กองบริการ แผนกแพทย์
แผง สโมสร อาคารพักโสด และบ้านพักต่างๆ ฯลฯ
สิ่งปลูกสร้างที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
จะถูกวางจัดแบ่งอย่างเป็นระเบียบสวยงามอย่างชนิดที่ว่ามีการวางแผนระยะยาวตั้งแต่เริ่มสร้าง
หากมองจากภาพถ่ายทางอากาศแล้วจะเห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการแบ่งพื้นที่ต่างๆในโรงเรียน
แม่แก้วไม่รู้ว่าใครออกแบบวางผังสถานที่ต่างๆในโรงเรียนที่มีอายุที่มีอายุร่วมร้อยปีนี้
ท่านเก่งมาก แม่แก้วรู้แต่ว่าเดิมทีเกล็ดแก้วแห่งนี้เป็นที่ตั้งโรงเรียนนายเรือมาก่อน แล้วแลกที่ตั้งกับโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ป้อมเสือซ่อนเล็บ ในปี
พ.ศ.๒๔๙๕
นอกจากสิ่งปลูกสร้างที่เราเข้าไปอยู่แล้ว
พื้นที่ที่เหลือของเกล็ดแก้ว เป็นพื้นที่ป่าเขา โดยรอบจะเต็มไปด้วยป่าเขา
ที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติ และมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย
จนมีนายพรานทหารเรือสมัครเล่นเข้าไปล่าสัตว์ในป่าเขาและหาของป่ากันเป็นประจำ เรื่อง
"ปืนผูก" ที่นายพรานมือสมัครเล่นผูกทิ้งไว้ล่าสัตว์
จึงเป็นข้อห้ามที่มีการประกาศเตือนอยู่บ่อยๆว่าห้ามใช้
เนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับคนอื่นที่เข้าไปหาของป่าได้ สำหรับ "งู" ก็เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่อาศัยในเกล็ดแก้วมาก่อนเราเข้าไปอยู่
งูในเกล็ดแก้วมีทั้ง งูเห่า งูจงอาง
งูกะปะ และงูเล็กๆพันธ์อื่นๆอีกมากมาย
"บ้านงู"
คือ บ้านชั้นยศนายนาวา เป็นบ้านร้าง ที่ตั้งอยู่บนถนนที่เชื่อมระหว่างซอย ๒ กับ
ซอย ๓ มีคนเคยเห็นว่ามีงูจงอางตัวใหญ่เลื้อยเข้าไปในบ้านหลังนี้บ่อยๆและลือกันว่าแม่งูมีลูกงูอยู่ในบ้านด้วย
(นี่เป็นเหตุให้พ่อบุญและแม่แก้วกลัวว่าบ้านร้างซอย ๒
ที่ใช้เป็นเรือนหอจะมีงูอาศัยอยู่) พวกเราจึงตั้งชื่อบ้านหลังนี้ว่า
"บ้านงู" แม่แก้วไม่เคยเห็นงูตัวนี้ แต่ก็เชื่อว่าคงมีจริง และเวลาขี่รถมอเตอร์ไซด์
หรือเดินผ่านบ้านหลังนี้เราจะระมัดระวังเป็นพิเศษ
ช่วงก่อนแต่งงาน
พ่อบุญขี่รถมอเตอร์ไซด์จาก BOQ มาหาแม่แก้ว
ที่บ้านแฝดซอย ๓ ในช่วงหัวค่ำ โดยใช้เส้นทางซึ่งผ่านบ้านงู พอพ่อบุญขับมาใกล้บ้านงูในยามโพล้เพล้
เสียงเครื่องรถมอเตอร์ไซด์ดังเข้าใกล้บ้านงู
พ่อบุญได้เห็นวัตถุที่เหมือนท่อนไม้ใหญ่สูงราวสักเอว ชูตั้งสูงขึ้นมาที่ขอบถนนด้านบ้านงู
แรกๆพ่อบุญนึกในใจว่า
"
แปลกจัง ทำไมมีท่อนไม้ตั้งสูงขวางทางอยู่บนถนน " (ปกติท่อนไม้ควรต้องวางนอนไปกับพื้นถนน)
พอรถแล่นเข้าใกล้จนพอมองเห็น
จึงพบว่าท่อนไม้ขนาดใหญ่นี้ คือ งูจงอางที่ชูคอขึ้นสูงอยู่ขอบถนน
ที่เป็นเส้นทางมาบ้านซอย ๓
เมื่อพิสูจน์ทราบด้วยสายตาจนแน่ชัดแล้ว
พ่อบุญไม่รีรอ รีบทิ้งโค้งเลี้ยวรถกลับออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วชนิดที่เรียกว่า
"เผ่นน้ำบาน" โชคดีที่เจ้างูตัวนี้ไม่ได้เลื้อยตามมา
เขาว่างูจงอางเลื้อยได้เร็วมาก ถ้าวิ่งหนีงูจงอางจะหนีไม่ทัน
ในเกล็ดแก้ว มีการกล่าวขานเรื่องเจองูอยู่เรื่อยๆ เช่น
ครูรุ่นพี่บ้านซอย ๓ เปิดประตูบ้านออกมาจ๊ะเอ๋กับงูตัวโตชูคอทักทายอยู่หน้าประตู ต้องรีบปิดประตูแทบไม่ทัน บ้านที่อยู่ชายเขาใกล้ป่ามักเจองูเข้าบ้าน มีงูเห่าไปขดนอนอยู่ใต้ตู้เย็น มุดเข้าไปใต้เครื่องซักผ้าบ้าง
งูจงอางเข้าไปอยู่ในครัวบ้าง สร้างความหวาดหวั่นแก่เจ้าของบ้าน การจับงูพิษตัวใหญ่ๆนี้ทำได้ยากมาก
เพราะงูก็กลัวเรา เราก็กลัวงู บ่อยครั้งจึงจบลงด้วยการเสียชีวิตของงู
ที่โชคดีหน่อยก็ตามกู้ภัยมาช่วยจับไปปล่อยรอดชีวิตไป ประสบการณ์เรื่องงูในเกล็ดแก้วจึงเป็นเรื่องที่เล่าขานกันอยู่เรื่อยๆ
แม่แก้วว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยเจองูเลยในเกล็ดแก้ว
บ้านร้างเรือนหอของแม่แก้วเองก็เคยเจองูบ้าง
เป็นงูตัวเล็กไม่มีพิษเข้ามาในบ้าน งูกะปะหลงมานอนอยู่ที่ลานปูนนอกบ้านบ้าง แม่แก้วเคยเห็นงูเห่าสีดำตัวใหญ่ยาวสัก ๒ - ๓
เมตร เลื้อยออกจากพงหญ้าแถวต้นมะขามใหญ่ข้างบ้านข้ามถนนเข้าไปในป่าหลังบ้านตรงข้าม
บ้านตรงข้ามแม่แก้วก็เคยมีงูไปนอนด้วยข้างๆมุ้งเด็กเล็ก นอกจากนี้ แม่แก้วยังเจอลูกงูตัวเล็กๆ ชูคอแผ่แม่เบี้ยส่งเสียงฟ่อๆ
ที่ชายทะเลหน้าบ้านรับรอง งูตัวเล็กนี้เลื้อยปราดปรียวมาก ตัวเล็กเลยยังไม่น่ากลัว
ดูน่ารักเหมือนงูเด็กๆที่พยายามจะขู่ให้เรากลัว
แต่เรื่องเจองูที่ดังๆและจำได้แม่น เห็นจะเป็นเรื่อง “งูที่ BOQ”
ยุคนั้น
บรรยากาศในที่พักนายทหารสัญญาบัตรโสดนี้ มีสีสันมาก ตกเย็นก็ตั้งวงเฮฮา ดึกๆบางคืนก็ชวนกันขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกไปเที่ยวพัทยา
ตามประสาหนุ่มโสด นายทหารฝึกที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือใหม่ๆนี้ มีความกล้าบ้าบิ่นตามประสาวัยรุ่นอยู่หลายเรื่อง
ในวันนั้น มีงูจงอางหลงเข้าไปขดตัวในตู้เหล็กที่วางอยู่ที่ชั้นล่างอาคารพัก รุ่นพี่ที่มีปืนจึงนำปืนมาเล็งและยิงจนงูเคราะห์ร้ายตัวนี้ตาย
งูที่ถูกยิงนี้บิดตัวสะบัดตัวด้วยความเจ็บปวดก่อนสิ้นใจ เลือดงูจำนวนมากจึงนองไปทั่วบริเวณนั้น ต้องล้างทำความสะอาดพื้น เลือดงูไหลไปตามท่อระบายน้ำ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
เพราะงูตัวโต ตอนแรกๆก็ยังตื่นเต้นตกใจอยู่ จึงไม่มีใครนึกอะไร
แต่สักพักมีคนนึกได้ว่า งูส่วนใหญ่จะมีคู่ และคู่ของมันจะอาฆาตมาตามแก้แค้น
บรรยากาศในคืนวันนั้น
และอีกหลายวันต่อๆมา จึงเป็นบรรยากาศแห่งความหวาดผวา พอตกค่ำ หนุ่มโสดผู้กล้าชาว BOQ
จะรีบเข้านอนกันแต่หัวค่ำ พร้อมทั้งปิดประตูหน้าต่าง
อุดรูรั่วและช่องโหว่ต่างๆอย่างมิดชิด ด้วยความกลัวว่างูจะกลับมาแก้แค้น เล่นเอา BOQ
ที่เคยคึกคักเงียบเหงาไปหลายวันทีเดียว
จนหลายวันต่อมาค่อยหายกลัวและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
โชคดีที่ไม่มีงูตามมาแก้แค้นไม่งั้นคงมีเรื่องเล่าต่อได้อีก
BOQ
ตั้งอยู่ชายป่า นอกจากงูแล้ว บางทียังมีฝูงหมูป่าลงมาหาน้ำและอาหารกินในปีที่แห้งแล้งมากๆ
เรื่องสัตว์ป่าต่างๆนี้ คนเก่าแก่ที่อยู่มาก่อนแม่แก้วบอกว่า สมัยก่อนมีเก้ง กวาง
สัตว์ป่า ชุกชุม รวมถึงแมงดาที่มาเล่นไฟจนเก็บได้เป็นกะละมัง นักเรียนจ่าก็เช่นกัน
ในวันหยุดมีการแอบออกไปผจญภัยในป่า หาอาหารป่า
เผือกมันต้มกินกันในถังเปลโลหะที่ใช้ใส่น้ำถูพื้น
(แสวงเครื่องกันเก่งตั้งแต่เป็นนักเรียน) นักเรียนที่มาจากภาคอีสานนี้มีความสามารถในการดำรงชีพในป่า
หาสัตว์ และของป่ามาหุงหาอาหารกิน ตอนฝึกภาคทะเลที่มีการปล่อยเกาะให้ดำรงชีพเอง
นักเรียนจากภาคอีสานนี้จะหาอาหารเก่งมากกว่าเพื่อน
ท่านผู้อ่าน
หรือนักเรียนจ่ารุ่นเก่าๆ ที่เคยพักอาศัยในเกล็ดแก้ว คงมีประสบการณ์เรื่อง งูๆ
มากมายเช่นเดียวกับแม่แก้ว สำหรับ "บ้านงู"
นี้ภายหลังมีนายทหารชั้นยศนายนาวา เข้าไปพักอาศัย
และไม่ปรากฏว่ามีเรื่องงูที่บ้านหลังนี้ให้ได้ยินอีกเลย ตอนที่เขียนบทความนี้ แม่แก้วรู้สึกสงสารงูที่เสียชีวิต
และงูที่ BOQ เพราะงูเป็นสัตว์ที่เมื่อเจอมนุษย์ทีไร
มันมักจะเคราะห์ร้าย ไม่บาดเจ็บก็ถึงแก่ชีวิต
แม่ของพ่อบุญที่มาอยู่ด้วยตอนหลังเกษียณท่านสอนให้ท่องคาถาชินบัญชรไว้ป้องกันตน
และหากเจอกับเขา ให้แผ่เมตตาให้เขา ให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
ซึ่งแม่แก้วว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น