
ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ ผู้เขียนได้อ่านข่าวราชนาวีแจ้งรับสมัคร ผู้บวชตามโครงการนี้
โดยทหาร-ตำรวจชายไม่มีค่าใช้จ่าย และผู้บวชพรหมจาริณี (โกนผม ถือศีลแปด
และนุ่งห่มสีกรัก) มีค่าใช้จ่ายคนละ ๕๐,๐๐๐.-
บาท ในใจตอนนั้นรู้สึกว่าอยากไป แต่วงเงินสูง กำลังทรัพย์ในช่วงนี้ ยังไม่พร้อม
จึงไม่ได้สมัคร จนกระทั่งมีข่าวตามมาอีก ๑
ฉบับ แจ้งว่าไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ความที่มัวแต่สนใจในงาน
จึงละเลยที่จะใส่ใจข่าวฉบับหลังนี้ จนกระทั่ง วันพุธที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๗ ได้รับทราบข่าวจากพี่ที่เคยบวชในโครงการนี้ว่าไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว จึงรีบโทรไปหานาวาโทหญิงกรณัท
ชุมเกษียน ร.น. นายทหารประสานงาน (ต่อไปผู้เขียนขอใช้สรรพนามเรียกท่านว่า
พี่นัท) พี่นัทได้แจ้งให้ทราบว่าคนสมัครเต็มแล้ว แต่ให้ไปลองยื่นเอกสารภายใน เวลา ๑๘.๐๐
น. ของวันนี้กับคุณโอ๋ เจ้าภาพ ที่ ดิ โอลด์สยามพลาซ่า
หนึ่งในรายการเอกสารสำคัญที่ต้องมีพร้อมยื่น คือ หนังสือเดินทาง ซึ่งโชคดีที่ผู้เขียนมีหนังสือเดินทางของทางราชการที่ได้ทำไว้แล้ว
ผู้เขียนไปยื่นเอกสารพร้อมกับน้องทหารเรือหญิงอีกท่าน
เมื่อไปยื่นเอกสารกับเจ้าภาพ
ได้มีโอกาสพบพี่น้องทหารเรือหญิงที่ไปยื่นเอกสารพร้อมกัน อีก ๓ ท่าน
ซึ่งในที่สุดก็ทราบว่าได้ไปทุกคน
ผู้เขียนได้กล่าวกับคุณโอ๋ และรำพึงกับตนเองในใจว่า
"ผู้ใจบุญท่านใดหนอที่เมตตาอุดหนุนทรัพย์จำนวนมากขนาดนี้ให้เราได้บวช
ท่านคงจะเป็นผู้มีกำลังทรัพย์มาก และมีศรัทธาต่อพุทธศาสนาอย่างยิ่งอีกทั้งเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวางไม่แบ่งเพศ
แบ่งชั้นของเนื้อนาบุญในการสละทรัพย์เป็นเจ้าภาพว่าบวชพระได้บุญมากกว่าบวชพรหมจาริณี"
ในตอนนั้นผู้เขียนได้ตั้งเจตนาในใจว่า
จะตั้งใจปฏิบัติธรรม แม้เราเป็นหญิง
บุญวาสนาน้อยกว่าชายที่ได้บวชเป็นบุตรของพระศาสดา การได้บวชเป็นพรหมจาริณี
และได้ไปยังดินแดนพุทธภูมิ ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ จะได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ขอกราบขอบพระคุณ
และอนุโมทนาบุญที่ได้จากการบวชครั้งนี้ให้กับผู้มีพระคุณบริจาคทรัพย์
และผู้สนับสนุนการบวชของผู้หญิงในครั้งนี้
ช่วงวันหยุดยาวมหาสงกรานต์
พี่นัทได้โทรศัพท์มาสัมภาษณ์วัตถุประสงค์ในการบวช
และจะนำสิ่งที่ได้รับจากการบวชครั้งนี้ไปดำเนินการให้เป็นประโยชน์อย่างไร
ผู้เขียนได้ตอบไปตามความรู้สึกที่ปรากฏในใจ ดังนี้
๑. บวชเพื่อถวายให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
๒. บวชเพราะเป็นหญิงไม่มีโอกาสบวชเป็นพระ
ชาตินี้เป็นหญิงได้บวชเป็นพรหมจาริณีก็ยังดี
๓. ตนเองอยากไปสังเวชนียสถานและอยากไปแทนคุณแม่ของสามี ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ท่านเคยกล่าวไว้ว่าอยากไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไป
๔. อื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง คือ
บวชเพราะใจระลึกรู้ว่า
โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อผสานแผ่นดินเราให้เป็นปึกแผ่นร่มเย็นไม่แตกแยก
บวชให้ในหลวงเสมือนสถาบันกษัตริย์ การบวชเสมือนสถาบันศาสนา ทหาร-ตำรวจ คือ
คนของแผ่นดินที่ปกป้องสถาบันชาติ โครงการบวชครั้งนี้จึงเสมือนการรวมสถาบันชาติ
ศาสน์ กษัตริย์ บุญกุศลของโครงการบวชในครั้งนี้
คงช่วยลดความร้อนรุ่มและผสานความแตกแยกในแผ่นดินไทยได้บ้าง
๕. จะนำสิ่งที่ได้รับจากการบวชครั้งนี้ไปดำเนินการให้เป็นประโยชน์อย่างไร
- ในชีวิตประจำวัน และการปฏิบัติงาน
ผู้เขียนปฏิบัติธรรม-เจริญสติ กลมกลืนไปในชีวิตประจำวัน ใช้พรหมวิหาร
๔ รวมถึงการเป็นผู้นำบุญ ช่วยงานบุญ
การชักชวนให้ทำบุญ ตามวาระโอกาส ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น