หน้าเว็บ

6/26/2558

ตอนที่ ๖ ไปเที่ยวหาดน้อย (หาดทรายแก้ว)

           ตามที่เคยเล่าในตอนก่อนหน้านี้ว่า รร.ชุมพลฯ เป็นพื้นที่ปิด อยู่ลึกเข้าไปจากถนนสุขุมวิทหลายกิโล  ปากทางเข้าต้องผ่านโรงเรียนพลทหาร ผ่านเจ้าพ่อเขาช้าง ผ่านยามเนินมะค่า จึงจะเข้าสู่เขต รร.  ด้วยเหตุนี้เราจึงมักพูดกันเสมอว่า เราอยู่หลังเขา  เมื่อรถแล่นลงเนินมะค่าเข้าสู่เขต รร. เราจะมองเห็นวิวชายทะเล เห็นศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  กองบังคับการ หรือ บก.นี้ ตั้งอยู่ริมทะเล ที่ทำงานของแม่แก้ว คือ แผนกวิชาสามัญ กองการศึกษา ตั้งอยู่บนชั้น ๓ มองจากโต๊ะทำงานก็จะเห็นวิวทะเลทั้งวัน นับว่าเป็นที่ทำงานในฝันเลย  แม่แก้วคิดว่าเราโชคดีจังที่ได้มาเป็นทหารเรือ ได้นั่งทำงานริมทะเล ได้อยู่บ้านใกล้ทะเล  แถมไปทำงานไม่กี่วันก็มีทหารเรือมาจีบอีก
           ภายในพื้นที่ รร.ชุมพลฯ ด้านที่ติดทะเล เรียกว่า “หาดเกล็ดแก้ว” หากมองออกไปจากชายหาด ด้านขวาจะมีแนวหินกั้นระหว่างหาดศูนย์ฝึกทหารใหม่ ถัดจากหาดศูนย์ฝึกฯ จะเป็นหาดบางเสร่  หาดบ้านอำเภอ  หาดนาจอมเทียน และหาดพัทยาตามลำดับ ตัวอ่าวและหาดต่างๆนี้โค้งเข้าเป็นวง  ทำให้เรามองเห็นพัทยาได้จากหาดเกล็ดแก้ว หรือปลายแหลมได้อย่างชัดเจน  ในยามค่ำคืนหากเรามองออกไปที่ทะเลจะเห็นแสงไฟระยิบระยับแสงสีของเมืองพัทยาที่ไม่หลับไหล ขณะที่ รร.ชุมพลฯ กลับเป็นสถานที่ที่เงียบสงบมาก ในยามค่ำคืนถนนหนทางจะมืดมาก ต่างคนต่างอยู่ในบ้านพัก จะมีก็แต่นักเรียนจ่าที่เข้ายามตามจุดต่างๆเท่านั้นเป็นเพื่อน
           จากหาดเกล็ดแก้วนี้เช่นกัน  ถ้าเรามองไปทางด้านซ้ายก็จะเป็นเขตบ้านพักนายทหารผู้ใหญ่  บ้านรับรอง  BOQ  และสโมสรสัญญาบัตร (ปัจจุบันมีชื่อว่า “สโมสรเพชรเกล็ดแก้ว”) จากนั้นก็จะเป็นเนินเขาและแนวโขดหิน ต่อด้วยหาดส่วนตัวของบ้านรอง ผบ.รร.ชุมพลฯ (เป็นทหารเรือ ชั้นยศนาวาเอก ก็มีบ้านพักตั้งอยู่บนหาดส่วนตัว)  ส่วนผู้การ หรือ ผบ.รร.ชุมพลฯ ท่านมีบ้านพักบนเขา  ที่มีวิวทะเลเห็นอ่าวเกล็ดแก้วทั้งอ่าว และทะเลโดยรอบสวยงามมาก (ผู้การ เป็น นาวาเอกพิเศษ)  ถัดไปจากหาดบ้านรอง ผบ.ฯ จะมีแนวโขดหินกั้นอยู่   ก่อนที่จะถึง “หาดน้อย” หรือที่เรียกว่า “หาดทรายแก้ว” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาตินิยมมาเที่ยวในปัจจุบัน
           หากตั้งต้นที่สโมสรเพชรเกล็ดแก้ว หาดทรายแก้วอยู่ห่างจากสโมสรประมาณ ๒.๕ กม. แม่แก้วขอเรียกชื่อหาดทรายแก้วว่า “หาดน้อย” เพื่อระลึกถึงชื่อเดิม  ในสมัยนั้นการจะไปหาดน้อยนับเป็นการผจญภัยพวกเราหนุ่มๆสาวๆนายทหารใหม่ทั้งนายทหารฝึก (นายทหารที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือปีแรก ส่วนหนึ่งจะมาทำงานเป็นนายทหารฝึก ในกองนักเรียน ดูแลนักเรียนจ่าทหารเรือ เป็นเวลา ๑ ปี ก่อนจะแยกย้ายไปทำงานตามหน่วยเรือ)  นายทหารฝึกนี้จะพักรวมกันอยู่ที่ BOQ (ตึกพักนายทหารโสด)  รวมถึงพ่อบุญและนายทหารโสดท่านอื่นๆที่มาจากสายปริญญา ที่พักรวมอยู่ด้วย ส่วนครูผู้หญิง ก็จะพักอยู่ที่บ้านแฝดซอย ๓ นับจากทะเล  การที่อายุใกล้เคียงกัน มาทำงานด้วยกันใหม่ๆ และได้พักอยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้ ทำให้มีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน หากมีวันหยุดกลางสัปดาห์ที่เราไม่ได้กลับบ้าน เรามักจะนัดหมายกันไปเที่ยวในบริเวณใกล้ๆ รร.ชุมพลฯ
           หนนี้ก็เช่นกัน พวกเรานัดหมายกันไปเที่ยวหาดน้อย ซึ่งเป็นหาดที่อยู่ติดกับหาดเกล็ดแก้วหากหันหน้าออกสู่ทะเล มองไปทางด้านขวา คือ หากเริ่มจากหาด รร.พลทหาร ซึ่งเป็นหน่วยแรกในพื้นที่สัตหีบ ไปทางด้านซ้ายจะเป็นเขตทหารเรือ หน่วยต่างๆ และหาดต่างๆ ไล่เรียงกันไปจนถึงกองการบินทหารเรือ (กบร.) ก่อนที่จะเข้าสู่ อ.บ้านฉาง จว.ระยอง  อ.สัตหีบ ของเราจึงนับเป็นอำเภอสุดท้ายของ จว.ชลบุรี ที่ติดกับ จว.ระยอง  และเป็นเมืองทหารเรือที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ซึ่งจะค่อยๆเล่าในตอนต่อๆไป
           ทางไปหาดน้อยในสมัยนั้นมีสองเส้นทาง เส้นทางที่ ๑ เป็นทางเดินเล็กๆเข้าป่าทางด้านถนนสุดซอย ๔ (นับจากทะเล)  เดินผ่านป่าเขา ขึ้นเขา ลงเขาไปโผล่ที่หาดน้อย  เส้นทางที่ ๒ เป็นการไต่โขดหินเลาะไปตามริมทะเล โดยเริ่มต้นที่หน้าสโมสรสัญญาบัตร เดินตรงไปตามถนนขึ้นเนินเขาเล็กๆ ลงสู่หาดบ้านรอง ผบ.ฯ (จริงๆเขาห้ามผ่านบ้านนายทหารผู้ใหญ่ แต่พวกเราขอแอบผ่านกันเองในวันที่ท่านไม่อยู่บ้าน)  แล้วเดินเลาะไปตามชายหาดไต่โขดหินบางช่วงไปจนถึงหาดน้อย
           เส้นทางที่ ๑ นี้ง่ายตรงทางเดินแห้ง เป็นเส้นทางเดินเล็กๆ บางช่วงมีต้นไม้ปกคลุม ความยากอยู่ที่เดินขึ้นเขา และผ่านป่าที่มีต้นไม้รกบางช่วง ส่วนเส้นทางที่ ๒ นี้สั้นกว่า อันตรายกว่า เพราะต้องไต่โขดหินซึ่งมีความคม และเดินลุยน้ำทะเลบางช่วง
           พวกเราตกลงกันว่าขาไปพวกเราเดินเท้าไปตามเส้นทางที่ ๑ และขากลับจะไต่โขดหินเลาะชายหาดตามเส้นทางที่ ๒
           การเตรียมตัวไปหาดน้อย เราจะใส่เสื้อซึ่งเป็นชุดที่เล่นน้ำได้เลย (ชุดนี้ไม่ต้องเปลี่ยน เล่นน้ำเสร็จก็ปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ) มีเสื้อแขนยาวคลุมกันแสงแดดอีกชั้น  สวมรองเท้าผ้าใบป้องกันหนามและหินคม  และเตรียมอาหารและน้ำดื่มสำหรับรับประทานริมหาดน้อย  การเดินทางใช้เวลาเดินเท้า หรือไต่เกาะประมาณ เที่ยวละ ๑ ชม. รวมไป - กลับ ราว ๒ ชม.  
           แม่แก้วรู้สึกว่ากว่าจะเดินผ่านป่าเขาไปถึงหาดน้อยนี้ไกลและทางมีอุปสรรคมาก โดยเฉพาะช่วงที่เดินขึ้นเขา ลุยป่า อาศัยว่าไปกันหลายคน เดินไป พูดคุยหยอกล้อกันไป  ช่วยดึงกันไป คู่ไหนที่นับญาติกันแล้ว หรือเล็งๆกันไว้จะเดินคุยกันเป็นคู่  ที่ยังโสดหรือไม่มีคู่หมายคุยกับเพื่อนไป  ช่วงสุดท้ายก่อนจะถึงหาด เราต้องผ่านชะง่อนหินชันและพุ่มไม้ที่มีหนามหนา ให้ความรู้สึกทุลักทุเล ประมาณว่าเหมือนกับเราเดินมาเจอป่าหนามทึบ ผลุบหายเข้าไปในป่าหนาม แล้วดิ้นขลุกขลักๆจนหลุดจากเจ้าพุ่มไม้หนาม ออกมาเจอชะง่อนหินชัน แล้วพบกับแสงสว่างและทะเลเปิดอยู่ตรงหน้า ลมทะเลพัดเย็นสบายพัดมา (หาดน้อยช่างสวยงามอะไรเช่นนี้) 
           หาดน้อยที่ปรากฎต่อหน้าพวกเรานี้  เป็นหาดทรายขาวเม็ดละเอียดทอดยาว มีโขดหินเล็กๆบางช่วง ขนาดของหาดไม่ใหญ่และไม่เล็ก คะเนด้วยตา ความยาวไม่น่าเกิน ๑ กม. พอไปถึงพวกเรานั่งพักทานอาหาร และลงเล่นน้ำทะเลกันตามประสาหนุ่มสาว หาดทรายที่นี่สะอาด เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์  มีความเป็นส่วนตัว  เพราะไม่มีถนนเข้าไปถึง และอยู่ในเขตทหาร ไม่มีใครเข้ามาได้ง่ายๆ  จึงมีแต่พวกเราที่เล่นน้ำกันอยู่ไม่กี่คน นับว่าเป็นวีไอพีมาก  เมื่อเทียบกับสมัยนี้ที่คงไม่มีโอกาสได้เล่นน้ำบนหาดส่วนตัวแบบนี้อีกแล้ว
           พอเล่นน้ำ กินข้าวกินปลาเสร็จ  พวกเราเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางไต่เลาะโขดหินริมทะเลกลับ เพื่อสำรวจเส้นทาง และได้ชมวิวครบทั้งสองเส้นทาง ขากลับนี้ยากกว่าขาไปเพราะต้องไต่หินชันในบางช่วง ซึ่งถือว่าเป็นการผจญภัยอย่างดี  สำหรับนายทหารใหม่เด็กๆอย่างพวกเรา และฝ่ายชายได้คอยช่วยเหลือในการไต่เกาะกลับ (เป็นการได้ทำคะแนนเพิ่มไปในตัว)
           ขณะเขียน Diary@เกล็ดแก้ว นี้ แม่แก้วชวนพ่อบุญกลับไปเยือนหาดน้อยอีกครั้ง เมื่อเดือน มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา พบว่าหาดน้อยในปัจจุบัน มีชื่อเรียกว่า “หาดทรายแก้ว” หาดที่เคยสงบเงียบ เป็นธรรมชาติ ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลังเขาเมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นหาดที่มีถนนให้รถแล่นข้ามเขาไปยังหาด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติแวะมาพักผ่อน อาบแดด เล่นน้ำ มีการเก็บค่าเข้าไปเที่ยว บนหาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน มีทั้ง ศูนย์รับนักท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านนวด เรือคายัคให้เช่า ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ ฯลฯ
           แม่แก้วกับพ่อบุญชวนกันเดินดูจุดที่เราเคยเดินผ่านดงพุ่มไม้หนามออกมาสู่หาด และโขดหินชันทอดยาวที่เราไต่เกาะตอนขากลับแล้วคุยกันว่า ดูมันไกลและยากที่จะมา ไม่รู้วันนั้นพวกเรามาได้อย่างไร คงเป็นด้วยวัยหนุ่มสาวที่มีกำลังวังชา ความสดใส และความรักที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆหลังเขา ที่ทำให้พวกเราได้ผจญภัยไปเที่ยวหาดน้อยในวันนั้น ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น