ภายในพื้นที่ รร.ชุมพลฯ
ด้านที่ติดทะเล เรียกว่า “หาดเกล็ดแก้ว” หากมองออกไปจากชายหาด
ด้านขวาจะมีแนวหินกั้นระหว่างหาดศูนย์ฝึกทหารใหม่ ถัดจากหาดศูนย์ฝึกฯ จะเป็นหาดบางเสร่
หาดบ้านอำเภอ หาดนาจอมเทียน
และหาดพัทยาตามลำดับ ตัวอ่าวและหาดต่างๆนี้โค้งเข้าเป็นวง ทำให้เรามองเห็นพัทยาได้จากหาดเกล็ดแก้ว
หรือปลายแหลมได้อย่างชัดเจน ในยามค่ำคืนหากเรามองออกไปที่ทะเลจะเห็นแสงไฟระยิบระยับแสงสีของเมืองพัทยาที่ไม่หลับไหล
ขณะที่ รร.ชุมพลฯ กลับเป็นสถานที่ที่เงียบสงบมาก ในยามค่ำคืนถนนหนทางจะมืดมาก
ต่างคนต่างอยู่ในบ้านพัก
จะมีก็แต่นักเรียนจ่าที่เข้ายามตามจุดต่างๆเท่านั้นเป็นเพื่อน
จากหาดเกล็ดแก้วนี้เช่นกัน ถ้าเรามองไปทางด้านซ้ายก็จะเป็นเขตบ้านพักนายทหารผู้ใหญ่ บ้านรับรอง BOQ และสโมสรสัญญาบัตร (ปัจจุบันมีชื่อว่า
“สโมสรเพชรเกล็ดแก้ว”) จากนั้นก็จะเป็นเนินเขาและแนวโขดหิน
ต่อด้วยหาดส่วนตัวของบ้านรอง ผบ.รร.ชุมพลฯ (เป็นทหารเรือ ชั้นยศนาวาเอก ก็มีบ้านพักตั้งอยู่บนหาดส่วนตัว)
ส่วนผู้การ หรือ ผบ.รร.ชุมพลฯ ท่านมีบ้านพักบนเขา ที่มีวิวทะเลเห็นอ่าวเกล็ดแก้วทั้งอ่าว
และทะเลโดยรอบสวยงามมาก (ผู้การ เป็น นาวาเอกพิเศษ) ถัดไปจากหาดบ้านรอง ผบ.ฯ
จะมีแนวโขดหินกั้นอยู่ ก่อนที่จะถึง “หาดน้อย”
หรือที่เรียกว่า “หาดทรายแก้ว” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาตินิยมมาเที่ยวในปัจจุบัน
หากตั้งต้นที่สโมสรเพชรเกล็ดแก้ว
หาดทรายแก้วอยู่ห่างจากสโมสรประมาณ ๒.๕ กม. แม่แก้วขอเรียกชื่อหาดทรายแก้วว่า
“หาดน้อย” เพื่อระลึกถึงชื่อเดิม ในสมัยนั้นการจะไปหาดน้อยนับเป็นการผจญภัยพวกเราหนุ่มๆสาวๆนายทหารใหม่ทั้งนายทหารฝึก
(นายทหารที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือปีแรก
ส่วนหนึ่งจะมาทำงานเป็นนายทหารฝึก ในกองนักเรียน ดูแลนักเรียนจ่าทหารเรือ เป็นเวลา
๑ ปี ก่อนจะแยกย้ายไปทำงานตามหน่วยเรือ) นายทหารฝึกนี้จะพักรวมกันอยู่ที่ BOQ (ตึกพักนายทหารโสด) รวมถึงพ่อบุญและนายทหารโสดท่านอื่นๆที่มาจากสายปริญญา
ที่พักรวมอยู่ด้วย ส่วนครูผู้หญิง ก็จะพักอยู่ที่บ้านแฝดซอย ๓ นับจากทะเล
การที่อายุใกล้เคียงกัน มาทำงานด้วยกันใหม่ๆ และได้พักอยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้
ทำให้มีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน หากมีวันหยุดกลางสัปดาห์ที่เราไม่ได้กลับบ้าน เรามักจะนัดหมายกันไปเที่ยวในบริเวณใกล้ๆ
รร.ชุมพลฯ
หนนี้ก็เช่นกัน พวกเรานัดหมายกันไปเที่ยวหาดน้อย
ซึ่งเป็นหาดที่อยู่ติดกับหาดเกล็ดแก้วหากหันหน้าออกสู่ทะเล มองไปทางด้านขวา
คือ หากเริ่มจากหาด รร.พลทหาร ซึ่งเป็นหน่วยแรกในพื้นที่สัตหีบ
ไปทางด้านซ้ายจะเป็นเขตทหารเรือ หน่วยต่างๆ และหาดต่างๆ
ไล่เรียงกันไปจนถึงกองการบินทหารเรือ (กบร.) ก่อนที่จะเข้าสู่ อ.บ้านฉาง
จว.ระยอง อ.สัตหีบ ของเราจึงนับเป็นอำเภอสุดท้ายของ
จว.ชลบุรี ที่ติดกับ จว.ระยอง และเป็นเมืองทหารเรือที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง
ซึ่งจะค่อยๆเล่าในตอนต่อๆไป
ทางไปหาดน้อยในสมัยนั้นมีสองเส้นทาง เส้นทางที่
๑ เป็นทางเดินเล็กๆเข้าป่าทางด้านถนนสุดซอย ๔ (นับจากทะเล) เดินผ่านป่าเขา ขึ้นเขา ลงเขาไปโผล่ที่หาดน้อย เส้นทางที่ ๒ เป็นการไต่โขดหินเลาะไปตามริมทะเล โดยเริ่มต้นที่หน้าสโมสรสัญญาบัตร
เดินตรงไปตามถนนขึ้นเนินเขาเล็กๆ ลงสู่หาดบ้านรอง ผบ.ฯ (จริงๆเขาห้ามผ่านบ้านนายทหารผู้ใหญ่
แต่พวกเราขอแอบผ่านกันเองในวันที่ท่านไม่อยู่บ้าน) แล้วเดินเลาะไปตามชายหาดไต่โขดหินบางช่วงไปจนถึงหาดน้อย
เส้นทางที่ ๑
นี้ง่ายตรงทางเดินแห้ง เป็นเส้นทางเดินเล็กๆ บางช่วงมีต้นไม้ปกคลุม
ความยากอยู่ที่เดินขึ้นเขา และผ่านป่าที่มีต้นไม้รกบางช่วง ส่วนเส้นทางที่ ๒
นี้สั้นกว่า อันตรายกว่า เพราะต้องไต่โขดหินซึ่งมีความคม และเดินลุยน้ำทะเลบางช่วง
พวกเราตกลงกันว่าขาไปพวกเราเดินเท้าไปตามเส้นทางที่
๑ และขากลับจะไต่โขดหินเลาะชายหาดตามเส้นทางที่ ๒
การเตรียมตัวไปหาดน้อย เราจะใส่เสื้อซึ่งเป็นชุดที่เล่นน้ำได้เลย
(ชุดนี้ไม่ต้องเปลี่ยน เล่นน้ำเสร็จก็ปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ) มีเสื้อแขนยาวคลุมกันแสงแดดอีกชั้น
สวมรองเท้าผ้าใบป้องกันหนามและหินคม และเตรียมอาหารและน้ำดื่มสำหรับรับประทานริมหาดน้อย การเดินทางใช้เวลาเดินเท้า หรือไต่เกาะประมาณ
เที่ยวละ ๑ ชม. รวมไป - กลับ ราว ๒ ชม.
แม่แก้วรู้สึกว่ากว่าจะเดินผ่านป่าเขาไปถึงหาดน้อยนี้ไกลและทางมีอุปสรรคมาก
โดยเฉพาะช่วงที่เดินขึ้นเขา ลุยป่า อาศัยว่าไปกันหลายคน เดินไป
พูดคุยหยอกล้อกันไป ช่วยดึงกันไป คู่ไหนที่นับญาติกันแล้ว
หรือเล็งๆกันไว้จะเดินคุยกันเป็นคู่
ที่ยังโสดหรือไม่มีคู่หมายคุยกับเพื่อนไป
ช่วงสุดท้ายก่อนจะถึงหาด เราต้องผ่านชะง่อนหินชันและพุ่มไม้ที่มีหนามหนา
ให้ความรู้สึกทุลักทุเล ประมาณว่าเหมือนกับเราเดินมาเจอป่าหนามทึบ ผลุบหายเข้าไปในป่าหนาม
แล้วดิ้นขลุกขลักๆจนหลุดจากเจ้าพุ่มไม้หนาม ออกมาเจอชะง่อนหินชัน แล้วพบกับแสงสว่างและทะเลเปิดอยู่ตรงหน้า
ลมทะเลพัดเย็นสบายพัดมา (หาดน้อยช่างสวยงามอะไรเช่นนี้)
หาดน้อยที่ปรากฎต่อหน้าพวกเรานี้ เป็นหาดทรายขาวเม็ดละเอียดทอดยาว
มีโขดหินเล็กๆบางช่วง ขนาดของหาดไม่ใหญ่และไม่เล็ก คะเนด้วยตา ความยาวไม่น่าเกิน ๑
กม. พอไปถึงพวกเรานั่งพักทานอาหาร และลงเล่นน้ำทะเลกันตามประสาหนุ่มสาว
หาดทรายที่นี่สะอาด เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์
มีความเป็นส่วนตัว เพราะไม่มีถนนเข้าไปถึง
และอยู่ในเขตทหาร ไม่มีใครเข้ามาได้ง่ายๆ จึงมีแต่พวกเราที่เล่นน้ำกันอยู่ไม่กี่คน
นับว่าเป็นวีไอพีมาก เมื่อเทียบกับสมัยนี้ที่คงไม่มีโอกาสได้เล่นน้ำบนหาดส่วนตัวแบบนี้อีกแล้ว
พอเล่นน้ำ
กินข้าวกินปลาเสร็จ พวกเราเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางไต่เลาะโขดหินริมทะเลกลับ
เพื่อสำรวจเส้นทาง และได้ชมวิวครบทั้งสองเส้นทาง
ขากลับนี้ยากกว่าขาไปเพราะต้องไต่หินชันในบางช่วง ซึ่งถือว่าเป็นการผจญภัยอย่างดี สำหรับนายทหารใหม่เด็กๆอย่างพวกเรา
และฝ่ายชายได้คอยช่วยเหลือในการไต่เกาะกลับ (เป็นการได้ทำคะแนนเพิ่มไปในตัว)
ขณะเขียน Diary@เกล็ดแก้ว นี้ แม่แก้วชวนพ่อบุญกลับไปเยือนหาดน้อยอีกครั้ง
เมื่อเดือน มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา พบว่าหาดน้อยในปัจจุบัน มีชื่อเรียกว่า
“หาดทรายแก้ว” หาดที่เคยสงบเงียบ เป็นธรรมชาติ ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลังเขาเมื่อเกือบ
๓๐ ปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นหาดที่มีถนนให้รถแล่นข้ามเขาไปยังหาด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติแวะมาพักผ่อน
อาบแดด เล่นน้ำ มีการเก็บค่าเข้าไปเที่ยว บนหาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน มีทั้ง
ศูนย์รับนักท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านนวด เรือคายัคให้เช่า
ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ ฯลฯ
แม่แก้วกับพ่อบุญชวนกันเดินดูจุดที่เราเคยเดินผ่านดงพุ่มไม้หนามออกมาสู่หาด
และโขดหินชันทอดยาวที่เราไต่เกาะตอนขากลับแล้วคุยกันว่า ดูมันไกลและยากที่จะมา
ไม่รู้วันนั้นพวกเรามาได้อย่างไร คงเป็นด้วยวัยหนุ่มสาวที่มีกำลังวังชา ความสดใส
และความรักที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆหลังเขา ที่ทำให้พวกเราได้ผจญภัยไปเที่ยวหาดน้อยในวันนั้น
^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น