แม่แก้วไม่เคยขี่รถมอเตอร์ไซด์มาก่อน ขี่เป็นแต่รถจักรยาน หัดขี่ใหม่ๆจึงทุลักทุเลมาก หากขี่ทางราบจากบ้านไปทำงานที่
บก. ก็พอเอาตัวรอดได้ไม่มีปัญหา ตอนขับไปสอนครั้งแรก
ต้องขับขึ้นเขา แม่แก้วตั้งใจมาก ขับหน้าตั้งเหยียบคันเร่งอย่างเดียวไม่ให้รถไหลลงเขา
ถนนขึ้นเขาเป็นถนนลูกรังเล็กๆสีแดง ขาขึ้นไปสอนนี้
พอขับไปถึงหน้าห้องเรียนจอดรถได้เรียบร้อยแล้ว แม่แก้วจะถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งทีก่อนเข้าไปสอน
สอนเสร็จก็ออกมายืนมองดูรถมอเตอร์ไซด์สลับกับมองเนินเขาที่เราจะขับกลับ
บก. แม่แก้วไม่รู้ว่าจะขับลงเขาอย่างไร ก่อนมาถามวิธีขับจากพี่ๆมาแล้ว แต่เอาเข้าจริงมองไปแล้วทางลงเขานี้น่าหวาดเสียวมาก
ทางเป็นลูกรัง ไม่เรียบ มีหินตะปุ่มตะป่ำ เป็นร่องน้ำเซาะบางช่วง
ยิ่งดูก็ยิ่งหนักใจ ทำไงดีจะลงจากเขาได้หนอ
นักเรียนจ่าที่เป็นลูกศิษย์มายืนล้อมวงเอาใจช่วยให้แม่แก้วขับรถลงเขาให้ได้ หนแรกนี้ ยังไม่ทันลงเขารถก็ล้มเสียก่อน นักเรียนสุภาพบุรุษทหารเรือน้อยเลยต้องช่วยยกรถขึ้นแล้วขับพาครูมาส่งข้างล่าง
(ก่อนจะขับรถให้ครูนี้ นักเรียนก็เหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าปลอดจากนายทหารฝึกมาเห็น
เดี๋ยวถูกทำโทษว่าขับรถใน รร. พอส่งครูเสร็จนักเรียนก็รีบวิ่งกลับให้พ้นรถไวๆ) อีกหนก็ขอให้นายทหารฝึกช่วยขับลงมาส่ง พอหนต่อมา แม่แก้วคิดตรองดูแล้วว่า
เราต้องไปสอนทุกวันจะมัวมากลัวแบบนี้เห็นทีจะไม่ไหว เลยฮึดสู้เลยแข็งใจหลับหูหลับตากลั้นใจขับลงมาเอง
ตอนนั้นท่องวิธีขับลงเขามาแล้วอย่างขึ้นใจ โดยใช้เกียร์ ๑ กับเหยียบเบรคเป็นระยะๆ เพื่อลดความเร็วตลอดทางลงเขา
ในที่สุดแม่แก้วก็ขับลงเขาได้โดยสวัสดิภาพ
เรื่องขับรถตกเขานี้
(จริงๆไม่ใช่เขาลูกใหญ่โตอะไร เป็นเนินเขาเล็กๆ แต่พวกเราก็เรียกว่าเขา)
ครูผู้หญิงบางท่านเคยขับรถตกเขา ถลอกปอกเปิกกันมาแล้ว
ดังที่ได้เล่าในตอนก่อนหน้านี้ ส่วนแม่แก้วนั้นเคยขับรถล้มสองครั้ง ครั้งแรกบนเขา
และอีกครั้งตอนทิ้งโค้งเลี้ยวเข้าบ้านแฝดซอย ๓ หินเกล็ดที่โรยบนพื้นถนนแฉลบทำให้รถล้มตอนเข้าโค้ง น่าแปลกที่ทุกครั้งที่รถล้ม คนที่เห็นเหตุการณ์
มักจะอมยิ้ม หรือไม่ก็หัวเราะขำๆ บางคนถึงกับหัวเราะเสียงดัง ขณะที่แม่แก้วไม่ขำด้วยสักนิด
และรู้สึกเสียฟอร์มมาก พ่อบุญบอกว่า
ท่าทางการขี่มอเตอร์ไซด์ของแม่แก้วดูเก้งก้าง สะเงาะสะแงะ ไม่ค่อยมั่นคง เหมือนพร้อมที่จะเสียหลักล้มได้ตลอดเวลา
(คงเป็นข้ออ้างให้แม่แก้วไปซ้อนรถพ่อบุญมากกว่า)
รถมอเตอร์ไซด์ต้องใช้น้ำมัน
น้ำมันที่เติมก็ซื้อเอาตามร้านค้าใน รร. ที่เขาซื้อน้ำมันจากปั๊มมาแบ่งขายใส่ในขวดแม่โขง
ขวดละประมาณ ๑๐ บาท
เติมครั้งละขวดสองขวดก็วิ่งไปได้หลายวัน การมีรถมอเตอร์ไซด์ใช้นี้ทำให้เราสะดวกสบายขึ้นมาก
เพราะเหมือนมีขาที่วิ่งไปไหนมาไหนได้รวดเร็วใน รร. ที่กว้างใหญ่แห่งนี้
บางคราวรถยางแบน
ต้องเข็นไปปะยางในบ้านพักข้าราชการที่รับซ่อมมอเตอร์ไซด์ น่าแปลกมากที่ทุกครั้งที่รถยางแบน
พ่อบุญมักจะอยู่ในเหตุการณ์และกุลีกุจอเข้ามาช่วยตรวจดูอาการของรถ
และช่วยเข็นรถไปส่งร้านซ่อมเสมอ (ร้านอยู่ไกลเป็นกิโล) ปะยางเสร็จ พ่อบุญมักถามว่า
วันนี้ได้กี่คะแนน (จนแม่แก้วชักสงสัยแล้วว่ายางแบนเอง หรือมีคนทำให้แบน)
หลังจากได้รถมาใช้ประมาณ
๑ เดือน แม่แก้วก็ขับได้คล่องขึ้น ขับขึ้นลงเขาไปสอนได้ชำนาญขึ้น และไม่ล้มอีกเลย ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น