หน้าเว็บ

6/27/2558

ตอนที่ ๑๐ รถมอเตอร์ไซด์คันแรก

            เมื่อไปทำงานที่เกล็ดแก้วได้สักพัก  น้องใหม่อย่างเราเริ่มขยับขยายหาพาหนะส่วนตัวมาใช้เพื่อความสะดวกในการไปทำงาน และไปไหนมาไหน  แม่แก้วทำงานใหม่ๆยังไม่มีเงินเดือน และเงินเก็บพอที่จะซื้อรถมอเตอร์ไซด์  จึงได้ขอให้อาหยี่เจ๊ก หรือคุณอาช่วยซื้อรถมอเตอร์ไซด์มือสองให้
         แม่แก้วไม่เคยขี่รถมอเตอร์ไซด์มาก่อน  ขี่เป็นแต่รถจักรยาน  หัดขี่ใหม่ๆจึงทุลักทุเลมาก หากขี่ทางราบจากบ้านไปทำงานที่ บก. ก็พอเอาตัวรอดได้ไม่มีปัญหา  ตอนขับไปสอนครั้งแรก ต้องขับขึ้นเขา  แม่แก้วตั้งใจมาก ขับหน้าตั้งเหยียบคันเร่งอย่างเดียวไม่ให้รถไหลลงเขา  ถนนขึ้นเขาเป็นถนนลูกรังเล็กๆสีแดง ขาขึ้นไปสอนนี้ พอขับไปถึงหน้าห้องเรียนจอดรถได้เรียบร้อยแล้ว แม่แก้วจะถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งทีก่อนเข้าไปสอน  สอนเสร็จก็ออกมายืนมองดูรถมอเตอร์ไซด์สลับกับมองเนินเขาที่เราจะขับกลับ บก.   แม่แก้วไม่รู้ว่าจะขับลงเขาอย่างไร ก่อนมาถามวิธีขับจากพี่ๆมาแล้ว  แต่เอาเข้าจริงมองไปแล้วทางลงเขานี้น่าหวาดเสียวมาก ทางเป็นลูกรัง ไม่เรียบ มีหินตะปุ่มตะป่ำ เป็นร่องน้ำเซาะบางช่วง ยิ่งดูก็ยิ่งหนักใจ  ทำไงดีจะลงจากเขาได้หนอ
         นักเรียนจ่าที่เป็นลูกศิษย์มายืนล้อมวงเอาใจช่วยให้แม่แก้วขับรถลงเขาให้ได้  หนแรกนี้ ยังไม่ทันลงเขารถก็ล้มเสียก่อน  นักเรียนสุภาพบุรุษทหารเรือน้อยเลยต้องช่วยยกรถขึ้นแล้วขับพาครูมาส่งข้างล่าง (ก่อนจะขับรถให้ครูนี้ นักเรียนก็เหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าปลอดจากนายทหารฝึกมาเห็น เดี๋ยวถูกทำโทษว่าขับรถใน รร. พอส่งครูเสร็จนักเรียนก็รีบวิ่งกลับให้พ้นรถไวๆ)  อีกหนก็ขอให้นายทหารฝึกช่วยขับลงมาส่ง  พอหนต่อมา แม่แก้วคิดตรองดูแล้วว่า เราต้องไปสอนทุกวันจะมัวมากลัวแบบนี้เห็นทีจะไม่ไหว  เลยฮึดสู้เลยแข็งใจหลับหูหลับตากลั้นใจขับลงมาเอง ตอนนั้นท่องวิธีขับลงเขามาแล้วอย่างขึ้นใจ โดยใช้เกียร์ ๑ กับเหยียบเบรคเป็นระยะๆ เพื่อลดความเร็วตลอดทางลงเขา ในที่สุดแม่แก้วก็ขับลงเขาได้โดยสวัสดิภาพ
         เรื่องขับรถตกเขานี้ (จริงๆไม่ใช่เขาลูกใหญ่โตอะไร เป็นเนินเขาเล็กๆ แต่พวกเราก็เรียกว่าเขา) ครูผู้หญิงบางท่านเคยขับรถตกเขา ถลอกปอกเปิกกันมาแล้ว ดังที่ได้เล่าในตอนก่อนหน้านี้ ส่วนแม่แก้วนั้นเคยขับรถล้มสองครั้ง ครั้งแรกบนเขา และอีกครั้งตอนทิ้งโค้งเลี้ยวเข้าบ้านแฝดซอย ๓ หินเกล็ดที่โรยบนพื้นถนนแฉลบทำให้รถล้มตอนเข้าโค้ง  น่าแปลกที่ทุกครั้งที่รถล้ม คนที่เห็นเหตุการณ์ มักจะอมยิ้ม หรือไม่ก็หัวเราะขำๆ บางคนถึงกับหัวเราะเสียงดัง  ขณะที่แม่แก้วไม่ขำด้วยสักนิด และรู้สึกเสียฟอร์มมาก พ่อบุญบอกว่า ท่าทางการขี่มอเตอร์ไซด์ของแม่แก้วดูเก้งก้าง สะเงาะสะแงะ ไม่ค่อยมั่นคง เหมือนพร้อมที่จะเสียหลักล้มได้ตลอดเวลา (คงเป็นข้ออ้างให้แม่แก้วไปซ้อนรถพ่อบุญมากกว่า)
         รถมอเตอร์ไซด์ต้องใช้น้ำมัน น้ำมันที่เติมก็ซื้อเอาตามร้านค้าใน รร. ที่เขาซื้อน้ำมันจากปั๊มมาแบ่งขายใส่ในขวดแม่โขง ขวดละประมาณ ๑๐ บาท  เติมครั้งละขวดสองขวดก็วิ่งไปได้หลายวัน การมีรถมอเตอร์ไซด์ใช้นี้ทำให้เราสะดวกสบายขึ้นมาก เพราะเหมือนมีขาที่วิ่งไปไหนมาไหนได้รวดเร็วใน รร. ที่กว้างใหญ่แห่งนี้
         บางคราวรถยางแบน ต้องเข็นไปปะยางในบ้านพักข้าราชการที่รับซ่อมมอเตอร์ไซด์ น่าแปลกมากที่ทุกครั้งที่รถยางแบน  พ่อบุญมักจะอยู่ในเหตุการณ์และกุลีกุจอเข้ามาช่วยตรวจดูอาการของรถ และช่วยเข็นรถไปส่งร้านซ่อมเสมอ (ร้านอยู่ไกลเป็นกิโล)  ปะยางเสร็จ พ่อบุญมักถามว่า วันนี้ได้กี่คะแนน (จนแม่แก้วชักสงสัยแล้วว่ายางแบนเอง หรือมีคนทำให้แบน)
         หลังจากได้รถมาใช้ประมาณ ๑ เดือน แม่แก้วก็ขับได้คล่องขึ้น ขับขึ้นลงเขาไปสอนได้ชำนาญขึ้น และไม่ล้มอีกเลย ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น