หน้าเว็บ

6/28/2558

ตอนที่ ๑๒ ไปเที่ยวบางเสร่

               การใช้ชีวิตในเกล็ดแก้วนี้  แม้ว่าจะได้ทำงานริมทะเลที่มีธรรมชาติสวยงาม  แต่ชีวิตค่อนข้างราบเรียบ  พวกเราจึงมักหาโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตานอกรั้ว รร. เสมอ  สำหรับแม่แก้วแล้ว การได้ออกนอกรั้ว รร.ชุมพลฯ แต่ละครั้ง จะมีพ่อบุญเป็นตัวตั้งตัวตีมาคอยชวนออกไปเที่ยวที่โน่นที่นี่เสมอ
         หนนี้ก็อีกเข่นเคย ในวันหยุดวันสำคัญทางพระพุทธศาสนากลางสัปดาห์  พ่อบุญมาชวนแม่แก้ว และเพื่อนๆไปเวียนเทียนที่วัดบางเสร่   (ชื่อเต็มๆว่า "วัดบางเสร่คงคาราม") พวกเราจึงดีใจที่จะได้ไปเวียนเทียน และได้ไปเที่ยวบางเสร่
         ในสมัยนั้นชุมชนที่เจริญมากๆที่อยู่ใกล้กับ รร.ชุมพลฯมากที่สุด เห็นจะได้แก่"บางเสร่"(จริงๆคือ "ตำบลบางเสร่"แต่เรานิยมเรียกว่า"บางเสร่") ในตอนหัวค่ำ พวกเราจึงมักออกจากหลังเขาไปหาแสงสีที่บางเสร่ ไปกินของกินอร่อยๆ จากร้านอาหารข้างทาง จำพวกก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม ขนมไทยๆ ไปซื้อของใช้บางอย่างที่ใน รร.ชุมพลฯ ไม่มีขาย ไปเที่ยวตลาดนัดบางเสร่  ไปกินอาหารทะเล (รร.พาไปเลี้ยง)  และไปเที่ยวงานวัด ฯลฯ
         ความทรงจำของแม่แก้วที่เกี่ยวกับวัดบางเสร่ เห็นจะเป็นเรื่องการไปเวียนเทียน และการไปเที่ยวงานวัดบางเสร่ ตอนไปเวียนเทียนนี้นัดหมายกันขับรถมอเตอร์ไซด์ไปกันเป็นกลุ่ม โดยขับออกจาก รร. ผ่านเนินมะค่า ลงเนินผ่านเจ้าพ่อเขาช้าง แล้วขึ้นเนินเข้าสู่เขต รร.พลทหาร เลี้ยวซ้ายไปทางเขตบ้านพักของ รร.พลทหาร (ทางขวาเป็น บก. และกองร้อยต่างๆ ของ รร.พลทหาร) ก่อนถึงหาด รร.พลทหาร จะเลี้ยวขวาออกประตูจุดรักษาการณ์บางเสร่  เป็นประตูเล็กๆที่ซ่อนอยู่ใน รร.พลทหาร ประตูนี้ทำให้เราออกไปบางเสร่ได้โดยไม่ต้องออกไปที่ปากทางถนนสุขุมวิทซึ่งไกลกว่า  พอออกจากประตูเล็กนี้ได้ ก็ขับลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ผ่านบางเสร่คอนโดมิเนียม ผ่านบ้านเรือน ร้านค้า และหมู่บ้านชาวประมง ที่มีการตากปลา ตากหมึก เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบางเสร่ จึงได้แก่ กลิ่นคาวของอาหารทะเลตากแห้ง ที่มีเป็นระยะตลอดทางในหมู่บ้าน
         วัดบางเสร่ เป็นวัดใหญ่ที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านบางเสร่ ตั้งอยู่ใกล้หาดบางเสร่ มีถนนเล็กคั่นระหว่างวัดกับทะเล  เมื่อไปถึงวัด จอดรถเสร็จ พวกเราก็รวมตัวกันเวียนเทียน เวียนเทียนเสร็จต่างก็แยกย้ายกันขึ้นรถใครรถมันขับกลับเกล็ดแก้ว ขากลับนี้ทางมืดมาก
         แม่แก้วซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์กลับกับพ่อบุญ พอออกมาจากวัดได้สักพัก รถก็ส่ายเสียหลัก พ่อบุญจึงจอดรถลงมาดูแล้วพบว่ายางหลังแบน (อีกแล้ว) เรื่องยางแบนกับพ่อบุญนี่ดูจะสมพงษ์กันจริงๆ  แม่แก้วว่าถ้าสร้างสมการทางคณิตศาสตร์ได้ จะมีสมการ ดังนี้

(แม่แก้ว + พ่อบุญ+ รถมอเตอร์ไซด์)    =    ยางแบน

                                                   =    (พ่อบุญเข็นรถไปปะยาง + แม่แก้วเดินไปเป็นเพื่อน)

          รถของเพื่อนๆได้ขับขึ้นหน้าหายไปหมดแล้ว สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือที่จะโทรตามใครมาช่วย ภาระหน้าที่ในการเข็นรถจึงตกอยู่กับพ่อบุญ (เขาคงเกิดมาเพื่อดูแลเราจริงๆ) คราวก่อนๆที่ยางแบนเป็นเวลากลางวัน แต่หนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ร้านปะยางปิดหมดแล้ว พ่อบุญเลยต้องเข็นรถกลับ รร.ชุมพลฯ ก่อน
         หนนี้ระยะทางที่เข็นน่าจะประมาณ ๓ -๔ กม. การเข็นรถท่ามกลางแสงจันทร์ในวันพระใหญ่นี้พระจันทร์ดวงกลมโตสวยงามมาก แม่แก้วเดินไปคุยไปไม่เห็นเหนื่อยเลย ส่วนพ่อบุญก็เดินไปเข็นรถไปคุยไปเหนื่อยหรือเปล่าไม่รู้ (หนนี้เลยได้คุยกันนานเป็นชั่วโมง สมใจพ่อบุญเลย ๕๕) แต่ช่วงเข็นรถขึ้นเนินเขานี่เห็นว่าหอบเลย คืนนั้นกว่าจะถึงบ้านพักก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว
         ความทรงจำอีกอย่างหนึ่ง คือ การไปเที่ยวงานวัดบางเสร่ ทุกปีจะมีงานวัด และผู้คนใน รร.ชุมพลฯ จะต้องออกไปเที่ยวงานวัดกันอย่างน้อย ๑ ครั้ง แม่แก้วอยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยสนใจเดินงานวัด เพราะมีห้างฯให้เดินเที่ยว แต่มาอยู่เกล็ดแก้วนี้ ไม่มีทางเลือก แสงสีอย่างเดียวที่เราจะออกจากเมืองหลังเขาไปเที่ยวได้ไม่ไกลนัก ก็เห็นจะเป็นงานวัดบางเสร่  หนนี้ก็อีกเช่นกันที่เรานัดกันไปเที่ยวงานวัดเป็นกลุ่ม ไปไหว้พระ แล้วหาของกินเล่นในวัด เล่นการละเล่นต่างๆ พวกยิงปืน และที่ขาดไม่ได้คือ การนั่งชิงช้าสวรรค์  ช่วงนั้นหนุ่มสาวอย่างเราเริ่มจับคู่นับญาติกันแล้ว ใครคู่ใครก็นั่งชิงช้าคู่กันคุยกันไป แม่แก้วจำไม่ได้ว่านับญาติกับพ่อบุญหรือยัง แต่ก็ได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์คู่กับพ่อบุญ ชิงช้าสวรรค์ในงานวัดนี้เก่ามาก การขึ้นชิงช้าสวรรค์จึงมีการแถมให้นั่งนานเสมอ เพราะเครื่องยนต์ที่หมุนชิงช้าขัดข้อง หนนี้ก็เช่นกัน พวกเราได้แถมให้นั่งนานขึ้นเพราะเครื่องขัดข้อง แต่ไม่มีใครบ่นเพราะได้อยู่ใกล้ญาติของตนนานขึ้น
         หมู่บ้านบางเสร่มีเสน่ห์มาก ในยามเช้าจะมีตลาดเช้า และตลาดเย็น ริมถนน มีอาหารการกินร้อนๆ จำพวกโจ๊ก หมูปิ้ง ข้าวแกง ผัก และปลาสดๆ อยู่สัตหีบนี้ เราได้กินอาหารทะเลสด เพราะชาวบ้านบางเสร่มีอาชีพทำประมง อาหารทะเล ปลาสดๆ หมึกสดๆ และกุ้งทะเลสดๆ (ไม่ใช่กุ้งเลี้ยงในนากุ้ง) มีให้ซื้อหามาทำอาหารการกิน  ส่วนช่วงหัวค่ำก็มีร้านอาหารเล็กๆเปิดขายหลายร้าน รวมถึงมีร้านอาหารทะเลราคาแพงที่เราไม่มีเงินมากพอไปกิน แต่มีโอกาสได้ไปกินเวลามีงานเลี้ยงของหน่วยในโอกาสต่างๆ
         เดือนที่ผ่านมา  แม่แก้วชวนพ่อบุญไปเที่ยวบางเสร่อีกครั้ง ไปตามหาป้าน้อยร้านส้มตำเจ้าอร่อยที่ขายอยู่ที่วัดบางเสร่ เมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว หลังจากไปตามหามาหลายครั้ง จนพบว่ายังขายอยู่จนทุกวันนี้ คนขายแก่ลง คนกินที่ยังตามมากินก็แก่ลงเช่นกัน ส้มตำร้านนี้ย้ายลงมาอยู่ที่ถนนชายทะเลบางเสร่ ยังคงรสชาติความอร่อยดั้งเดิม ส้มตำปูม้า ยำปูม้าดอง ปูม้าตัวเล็กๆนี้สดมาก และราคาไม่แพง ร้านดั้งเดิมอีกร้าน ได้แก่ ร้านข้าวเหนียวมะม่วงแม่พยอมก็เช่นกัน ยังคงขายอยู่ ข้าวเหนียวมูลใบเตยเม็ดสวยชุ่มกระทิสีเขียว กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุกรสชาติอร่อย ที่ขายดีหมดแต่วันเช่นเดิม
         บางเสร่ในวันนี้ มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด คือ มีตึก มีร้านค้า หมู่บ้าน ที่พัก รีสอร์ท และ คอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย  มีถนนชายทะเล มีร้านนวด มีบาร์เบียร์ มีฝรั่งเดินกันขวักไขว่ ว่ากันว่า ความเจริญจากพัทยาขยายตัวมาถึงบางเสร่  และเริ่มมาถึงสัตหีบ ฝรั่งที่มีเมียไทยมาซื้อบ้านอยู่ตามหมู่บ้านมากมาย เรื่องนี้เห็นได้ชัดตอนแม่แก้วไปหาซื้อบ้านสำหรับไว้อยู่ตอนเกษียณ บ้านและที่ดินในสัตหีบราคาสูงขึ้นมากและขึ้นราคาทุกปี นอกจากทหารเรือแล้วจะมีฝรั่งมาซื้อแซมอยู่ตามหมู่บ้าน บ้านที่แม่แก้วซื้อก็มีฝรั่งมาซื้ออยู่ฝั่งตรงข้าม สำหรับคนงานสร้างบ้าน ก็เป็นคนงานชาวพม่า ที่ขยัน และยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ดินที่เคยเป็นป่าเปลี่ยว กลายเป็นหมู่บ้านผุดขึ้นมากมาย
         สำหรับแม่แก้วแล้ว ความทรงจำที่เกี่ยวกับบางเสร่ คือ ความคึกคักของหมู่บ้านชาวประมง ที่มีของกินอร่อยๆราคาไม่แพง การเวียนเทียน รถยางแบน การเข็นรถ เที่ยวงานวัด ส้มตำ และข้าวเหนียวมะม่วง แม้ว่าเวลาผ่านไปถึงเกือบสามสิบปี และบางเสร่วันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ผู้คนและร้านเก่าแก่ก็ยังคงซ่อนตัวอยู่ในบางเสร่ รอให้เรากลับไปเยี่ยมเยือนอีกครั้ง ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น