หน้าเว็บ

6/27/2558

ตอนที่ ๑๑ ปล่อยลงแผง

            สมัยยังเป็นโสด ชีวิตประจำวันตั้งแต่วันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ของแม่แก้วในเกล็ดแก้วเมืองเล็กๆแสนสวยริมทะเล มีวงจรชีวิตประจำวันที่สบายๆ ไม่รีบร้อนเหมือนในเมืองหลวง กล่าวคือ ตื่นเช้าประมาณ ๐๗๓๐ อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานที่ บก. ที่ทำงานอยู่ห่างบ้านพักซอย ๓ ประมาณ ๕๐๐ เมตร  ใช้เวลาขับรถมอเตอร์ไซด์ไม่เกิน ๕ นาที ไปถึงที่ทำงานสัก ๐๘๐๕  กินข้าวแกงที่ร้านของครอบครัวนายทหารทำมาขายในห้องอาหาร บก. (สมัยนั้นข้าวแกงจานละ ๕-๖ บาท และของโปรด คือ ไข่พะโล้หวานๆ) กินข้าวเสร็จก็มาแถวเวลา ๐๘๓๐ แถวเสร็จก็เตรียมตัวขับรถมอเตอรไซด์ขึ้นเขาไปสอนนักเรียน
           ระหว่างวัน ถ้าไม่มีชั่วโมงสอนก็นั่งทำงานเตรียมสอน ตรวจการบ้าน ออกข้อสอบ อ่านหนังสือหาเกร็ดความรู้ ข่าวสารสำคัญที่เกี่ยวกับเนื้อหาการสอน หรือข่าวสารบ้านเมืองที่สำคัญไว้เล่าแทรกหรือเป็นประเด็นคุยกับนักเรียน เพื่อไม่ให้การสอนมีแต่เรื่องวิชาการล้วนๆ กลางวันก็พักกินข้าว และทำงานต่อในช่วงบ่าย จนเลิกงานในตอนเย็น ขับรถมอเตอร์ไซด์ไปแผง ซื้อหาของกิน กลับบ้านพัก ทำงานบ้านซักผ้า รีดผ้า ถูบ้าน และขัดห้องน้ำ ตามวงรอบ ทานอาหารเย็น อาบน้ำพักผ่อน ดูทีวี และเข้านอน
           ในเกล็ดแก้วเมืองเล็กๆแห่งนี้ มี "แผง" เป็น ศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหาร  ทุกคนใน รร.ชุมพลฯ ตั้งแต่ข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และครอบครัว รวมถึงนักเรียนจ่า จะมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับแผง ต้องแวะไปทำธุระที่แผงทุกวัน หรือเกือบทุกวัน
           แผง เป็นชื่อเรียกง่ายๆที่เราใช้เรียกสถานที่ที่ทาง รร. จัดไว้เป็นส่วนกลาง หากมาจากเนินมะค่า จะต้องเลี้ยวซ้ายแยกก่อนถึง บก. ขับมาเรื่อยๆ ผ่านศาลเจ้าพ่อขวานเพชร เจ้าพ่อแก้วฟ้า  และดริลฮอลล์  จะเจอแผงตั้งอยู่ทางซ้ายมือ  ก่อนถึงสี่แยกที่จะเลี้ยวขวาไปบ้านพักซอย ๓  แผงเหมือนเป็นจุดศูนย์กลางความเจริญที่สุดของเกล็ดแก้ว  อยู่ใกล้กับสโมสรประทวน  ตึกพักนายทหารประทวนโสด แผนกแพทย์ และตั้งอยู่ตรงกลางของหมู่บ้านพักซอยต่างๆภายในเกล็ดแก้ว 
           ในตอนเย็นหลังเลิกงาน แม่แก้วและเพื่อน รวมถึงใครอีกหลายๆคนหรือเกือบทุกคน จะต้องแวะไปแผงเพื่อซื้อหาข้าวของอาหารการกินก่อนกลับบ้านพัก  แผงประกอบด้วยลานจอดรถ และห้องแถวสองชั้นประมาณ ๖ - ๗ ห้อง จำนวนสองแถวเรียงหันหน้าเข้าหากัน โดยมีสนามหญ้ากั้นอยู่ตรงกลาง สุดห้องแถวจะเป็นแผงขายของกินจำพวกของปิ้ง ของทอด ผลไม้ และขนม ต่างๆ อยู่ระหว่างห้องแถวทั้งสองแถวที่หันหน้าชนกัน
           จอดรถเสร็จ เดินเลี้ยวซ้ายเข้าแผง ห้องแถวสองห้องแรก เรียกว่า "ภัณฑุปกรณ์" หรือ เรานิยมเรียกสั้นๆ ว่า "ภัณฑุฯ" ภัณฑุฯ คือ สถานที่ขายของกินของใช้ในชีวิตประจำวันของทหารเรือในราคาสวัสดิการ จำพวกข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำมันพืช น้ำปลา สบู่ ยาสีฟัน และแปรงสีฟัน ฯลฯ การซื้อของในภัณฑุฯนี้สามารถซื้อได้ทั้งเงินสด และซื้อแบบเชื่อ คือ ยังไม่จ่าย จดยอดไว้จ่ายตอนเงินเดือนออก ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีลูกมาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงได้ภัณฑุฯ นี้เป็นที่พึ่งให้เชื่อข้าวไปหุงกินก่อนได้
           ถัดจากภัณฑุฯ จะเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ร้านขายของชำ ขายอาหารสดไปปรุงเอง ร้านขายขนม ของใช้ต่างๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านส้มตำ ร้านตัดเสื้อ และร้านขายขนม ฯลฯ ตอนเย็นหลังเลิกงาน แม่แก้วชอบไปซื้อปีกไก่ย่าง กับข้าวเหนียวร้อนๆจากร้านแม่บ้านนายทหารเรือท่านหนึ่ง มากินรองท้องก่อนถึงมื้อเย็น และซื้อของใช้ที่ภัณฑุฯ กับข้าวกับปลากลับมาทำกินเองบ้าง บางครั้งถ้าไม่กินข้าวที่บ้าน ก็จะออกมากินอาหารตามสั่งที่แผง
           เจ้าของร้านในแผงล้วนเป็นข้าราชการ และลูกจ้างที่ทำงานใน รร.ชุมพลฯ มาเปิดร้านโดยช่วยกันกับแม่บ้านในการดูแลกิจการหารายได้พิเศษเลี้ยงดูครอบครัว  บรรยากาศในแผงจึงเป็นบรรยากาศแบบลูกทุ่งๆ ของเมืองเล็กๆในต่างจังหวัดที่รู้จักกันหมด ว่าใครเป็นใคร ใครเป็นผู้ย้ายมาใหม่ ทำงานที่กองไหน พอเดินเข้าแผงก็จะมีเสียงทักทายกันเกรียวกราว แม่บ้านทหารเรือของร้านอาหารตามสั่งจะจำได้ว่าใครชอบกินอะไร  ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเกล็ดแก้ว ที่ต่างจากในเมืองหลวงอย่างมาก
           นักเรียนจ่าเองก็ชอบไปแผง  ใน รร. จะมีวันปล่อยลงแผงตอนช่วงเย็น นายทหารฝึกจะปล่อยนักเรียนไปผ่อนคลายซื้อหาของใช้ ของกินเล่น สักชั่วโมง ถ้าวันไหนนักเรียนได้ปล่อยลงแผง แผงจะคึกคักเป็นพิเศษ ในแผงทุกตารางนิ้วจะเต็มไปด้วยนักเรียนจำนวนเป็นร้อยนายที่เดินหาซื้อของกิน ขนม ดื่มน้ำอัดลม กินส้มตำ หาซื้อของกินของใช้ต่างๆ ไปตุนไว้แอบกินยามดึก เช่น มาม่า และปลากระป๋อง เป็นต้น
           บ้านไหนมีลูกสาวหน้าหน้าจิ้มลิ้ม (หรือไม่จิ้มลิ้มก็ได้) จะแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ มาช่วยกันขายของกินให้นักเรียน ช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน พูดคุยหยอกล้อกับนักเรียนตามประสาวัยรุ่น ถ้านักเรียนจำนวนนับร้อยได้ปล่อยแผง นักเรียนจะเป็นลูกค้ารายใหญ่และบุคคลสำคัญของแผงไปโดยอัตโนมัติ แม่ค้าจะสนใจยุ่งอยู่กับการขายให้นักเรียนเป็นหลัก  แม่แก้วเคยไปแผงตอนนักเรียนปล่อยลงแผง แม่ค้าจะไม่ว่างมาขายให้เรา เพราะต้องขายให้นักเรียนซึ่งมีจำนวนมาก และเวลาจำกัดก่อน แม่แก้วจึงเรียนรู้ว่า แม้แต่ครูก็ไม่ควรไปแย่งซื้อของในเวลาช่วงเวลาทองนั้น
           นักเรียนที่ลงแผง จะอาบน้ำปะแป้ง แต่งกายด้วยชุดตอนเย็น หน้าตาผ่องใส เดินมาเป็นคู่ๆ บ้าง สามสี่นายบ้าง การเดินของนักเรียนจะเดินเท้าพร้อม ด้วยท่าเดินแบบราชนาวี หน้าตรง อกผายไหล่ผึ่ง กำมือหลวมๆ ท่วงท่าสง่างาม พอเจอครู หรือผู้มียศสูงกว่า หรือรุ่นพี่ ก็จะหยุดชิดเท้าตะเบ๊ะทำความเคารพ พร้อมกับกล่าวคำว่า "สวัสดีครับ" ถ้าเจอถี่หน่อยก็หยุดเดินมาสวัสดีบ่อยๆตลอดทาง  แม่แก้วจึงมักหลีกเลี่ยงการผ่านเส้นทางที่จะเจอนักเรียนในตอนเย็น เพราะเกรงใจที่นักเรียนต้องหยุดเดินบ่อย
           ของกินที่แผงสำหรับนักเรียนทหาร เห็นจะไม่พ้นของกินที่ให้พลังงานสูง ราคาไม่แพง และได้ปริมาณมาก จำพวกกล้วยทอด เผือกทอด มันทอด บาเยียร์ (เป็นแป้งทอดใส่ข้าวโพดกินกับน้ำจิ้มคล้ายๆน้ำจิ้มทอดมันหวานๆ) ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ และน้ำตก เป็นต้น  ขอให้ผู้อ่านนึกถึงภาพนักเรียนจำนวนมากนับร้อยๆนาย รุมซื้ออาหารการกิน ของกินของใช้  นั่งกินพูดคุย หยอกล้อกัน บ้างก็ทำธุระเรื่องเสื้อผ้าจำพวกปรับทรงแก้ขนาดกับร้านตัดเสื้อในแผง แผงในตอนนักเรียนปล่อยลงแผงจึงมีสีสันและมีชีวิตชีวามาก  อาหารเหล่านี้จะขายหมดในแวลาอันรวดเร็ว
           ใน รร.ทหาร "ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน" บางวันแม่ค้าเตรียมอาหารไว้รอนักเรียนปล่อยแผง แต่นายทหารฝึกไม่ปล่อยนักเรียนลงแผง วันนั้นแม่ค้าจะขาดทุน และนายทหารฝึกก็จะถูกบ่นไปตามระเบียบ
           การพักผ่อนหย่อนใจอีกอย่างของนักเรียนทหารใน รร.หลังเขาแห่งนี้ คือ ในวันพุธบางสัปดาห์มีการจัดฉายภาพยนตร์ให้นักเรียนชมที่อาคารดริลฮอลล์ (ต่อไปขอใช้คำง่ายๆว่า "ฉายหนัง")  "ดริลฮอลล์" อยู่ก่อนถึงแผง ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับแผง  เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีหลังคาสูงโล่งๆ ไม่มีผนัง พื้นเป็นพื้นปูนเปลือย  ใช้สำหรับเล่นกีฬาในร่ม และทำกิจกรรมต่างๆ วันที่ฉายหนังนี้ นักเรียนจะซื้อขนมมานั่งกินไปดูหนังไป ที่นั่งดูหนังก็เป็นม้านั่งยาวที่นั่งได้ตัวละ ๔ - ๕ นาย
           แม่แก้วและเพื่อนในรุ่น ชวนกันไปดูหนังที่ดริลฮอลล์  พวกเราตื่นเต้นที่จะได้ไปดูหนัง เตรียมแต่งตัวสวยๆหล่อๆ  หาซื้อขนมขบเคี้ยวไปด้วย คุณครูได้รับการจัดให้ไปนั่งดูหนังที่ชั้นบน ใกล้กับที่ฉายหนัง เป็นที่นั่งชั้นพิเศษ  ความคลาสสิคอยู่ที่ม้านั่งที่นั่งดูไม่ได้หุ้มฟองน้ำนุ่มๆเหมือนโรงหนังทั่วไป แต่เป็นเก้าอี้ไม้เนื้อดีแบบโบราณมีพนักพิง  ที่พิงให้เอนได้เหมือนเก้าอี้ในโรงหนัง  หนังที่มาฉายก็เป็นหนังเก่า มีเส้นเหมือนน้ำตกบนจอเป็นระยะ เพราะความเก่าของฟิล์ม ส่วนเสียงพากย์ดังก้องๆฟังไม่ค่อยชัดเท่าไร วันนั้นเราจึงดูหนังไม่ทันจบเรื่องก็ชวนกันกลับบ้านพัก 
           สำหรับแม่แก้วแล้ว การมีแผง และโรงหนัง (แบบย้อนยุค) ในเกล็ดแก้วแห่งนี้  คงเป็นข้อยืนยันได้อย่างดีว่า เกล็ดแก้วเป็นเมืองเล็กๆหลังเขาที่มีความสมบูรณ์ในตัวเองจริงๆ ^^

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น