การบวชครั้งนี้ตลอดการจาริกแสวงบุญ
คุณแม่ได้เป็นผู้นำบุญให้กองทัพธรรมและทีมงานร่วมทำบุญตามกำลังและโอกาส
ทั้งการทำบุญกับพระสงฆ์ การทำบุญกับวัดไทย การบริจาคยารักษาโรค การบริจาคข้าวสาร
อาหารให้กับพระสงฆ์ และชาวอินเดีย โดยไม่มีการเลือกชนชั้นวรรณะ คุณแม่สอนให้เรารู้จักการให้ทาน
และทานที่ให้นี้เป็น ทานที่ไม่ตระหนี่ คือ ไม่เลือกเขาเลือกเราในการให้
ผู้เขียนได้รับประสบการณ์ที่เรียนรู้ได้ด้วยตนเองหลายคราว
ดังเรื่องเล่าต่อไปนี้
การให้ทานของผู้เขียนยังมีการแบ่งแยกว่า
“นี่พระสงฆ์กองทัพธรรม
กับนี่ไม่ใช่พระของเรา
ในคราวทำบุญตักบาตรครั้งแรกที่หน้ามหาเจดีย์พุทธคยาดังที่เล่าแล้วในตอนต้นเรื่อง
ขณะที่แม่ๆใหม่กำลังชะเง้อรอพระสงฆ์กองทัพธรรมมาโปรดเพื่อใส่บาตร
ได้มีพระสงฆ์รูปหนึ่งอุ้มบาตรเดินมาเดี่ยวๆ ผ่านหน้าแม่ๆที่รอใส่บาตรอยู่
มีบางท่านใส่บาตร บางท่านไม่ใส่ด้วยว่าจะรอใส่พระสงฆ์ของเรา
เพื่อนแม่ใหม่ของผู้เขียนชวนว่า
"แก้วใส่บาตรสิ
ใส่บาตรกัน"
แต่ผู้เขียนไม่ได้ใส่
ด้วยว่ามัวแต่พะวงว่าเราจะใส่พระของเรา กลัวอาหารจะไม่พอ หลังจากพระท่านรับบาตรผ่านไปแล้ว
เพื่อนแม่ใหม่ท่านนี้ได้หันมาพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกใส่บาตรครั้งนี้ ซึ่งทำให้ผู้เขียนเข้าใจได้เลยว่า
เพื่อนแม่ใหม่ท่านนี้ไม่มีสิ่งกั้นในการทำทาน ทานของเพื่อนแม่ใหม่ไม่เลือกปฏิบัติ
ไม่เลือกเขาเลือกเรา นับว่าเป็นทานที่บริสุทธิ์ ไม่มีเครื่องกั้น
บทเรียนในเรื่องนี้
ทำให้ผู้เขียนมีมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิมในการให้ทาน การให้นี้
สิ่งที่นำมาให้ทานต้องมีความบริสุทธิ์ มีความประณีต นอกจากนี้ก่อน ระหว่าง
หลังการให้ต้องมีจิตใจที่เป็นกุศล การทำบุญกับพระสงฆ์ที่ผ่านมาของผู้เขียน
ยังมีสิ่งกั้น เช่น นี่วัดของเรา นี่หลวงพ่อของเรา วัดเราก็ทำเยอะหน่อย วัดอื่นก็ทำน้อยหน่อย
นี่หัวโขนของเราทำน้อยกลัวเขาว่า ไม่ได้ทำตามเหตุและปัจจัย กล่าวคือ ยังมีการเลือก
แต่หากเป็นผู้มีความถึงพร้อมด้วยเมตตาต่อสรรพสัตว์แล้ว เขาจะไม่เลือกเขาเลือกเรา
มีเมตตาที่จะสงเคราะห์เท่าเทียมกันตามกำลังและโอกาส
นับว่าเป็นบทเรียนที่ได้เรียนรู้ในสถานการณ์จริงเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น