หน้าเว็บ

9/02/2558

นักบวชสตรี ๓๓. สถานที่แสดงปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า : ยมกปาฏิหาริย์

             ค่ำแล้วกองทัพธรรมเดินทางออกจากเชตวันมหาวิหาร ไปสู่สถานที่แสดงปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งในปัจจุบันเหลือเป็นเพียงเนินดินอยู่ข้างทางระหว่างเมืองพารัมปุระกับเมืองสราวัสสติ ห่างจากวัดเชตวันประมาณ ๒ กิโลเมตร
       สมัยพุทธกาลเคยมีพระสาวกไปแสดงอภินิหารให้คนศรัทธาพระพุทธเจ้าทราบข่าวก็บัญญัติข้อห้ามมิให้พระสงฆ์แสดงปาฏิหาริย์ใดๆ ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีของพวกที่ใช้อวิชชา อภินิหาร เพราะเท่ากับหมดคู่แข่ง ถึงกับอาจหาญขอท้าพระพุทธเจ้าแสดงอภินิหารแข่งกัน พระพุทธเจ้าทรงรับคำท้าและประกาศว่าท่านจะแสดงปาฏิหาริย์ใต้ต้นมะม่วงที่เมืองสาวัตถี ในวันเพ็ญเดือน ๘ พวกเดียรถีย์รู้ข่าว จึงจ้างคนไปโค่นต้นมะม่วงในเมืองสาวัตถีจนหมดแม้แต่หน่อมะม่วงก็ทำลายหมด แล้วสร้างสถูปสูงไว้เพื่อใช้เป็นสถานที่แสดงปาฏิหาริย์ของฝ่ายตนแต่พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่โคนต้นมะม่วงจนได้ โดยมีผู้นำผลมะม่วงสุกมาถวาย ทรงฉันเสร็จแล้ว รับสั่งให้คนปลูกเมล็ดลงดินแล้วพระองค์ทรงใช้น้ำที่ล้างพระหัตถ์รดปรากฏว่าหน่อมะม่วงโตพรวดพราดแตกกิ่งก้านสูงขึ้นถึง ๕๐ ศอกจากนั้น พระองค์ทรงเนรมิตสิ่งต่างๆ อันเป็นที่มาของยมกปาฏิหาริย์ ซึ่งมีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะกระทำได้ ทำให้ฝ่ายเดียรถีย์พ่ายแพ้ต่อพระพุทธองค์อย่างราบคาบ
          หลังจากนั้น ท่านก็ได้เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพระมารดา โดยจากยอดเนินดินแห่งนั้น ณ จุดนี้เปรียบดั่งจุดที่ใกล้สวรรค์เบื้องบนที่สุด เพราะพระพุทธเจ้าทรงก้าวเพียงสามย่างพระบาทก็เสด็จถึงสวรรค์ โดยมียอดเขายุคันธรและอิสิคิลิมารองรับ
         เนื่องจากค่ำมืดแล้วกองทัพธรรมจึงใช้ไฟฉายนำทางเดินขึ้นเนินซึ่งชันและขรุขระ เพื่อไปกราบแท่นบูชาบนยอดเนินดิน (เป็นอีกครั้งที่ไฟฉาย ที่ได้รับบริจาคมาได้ใช้ประโยชน์อย่างยิ่ง...ขออนุโมทนาบุญกับผู้บริจาคทานนี้) และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าสถานที่แห่งนี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ และเป็นจุดที่ใกล้สวรรค์ที่สุด บนยอดเนินดินแห่งนี้  ผู้เขียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดาวพร่างพราย น้อมใจระลึกถึงพระพุทธองค์ในวันนั้น วันที่ท่านแสดงปาฏิหาริย์แล้วเสด็จขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อโปรดพระมารดา ด้วยความประทับ ใจว่าเราได้มาถึงจุดที่ใกล้กับสวรรค์ที่สุด และได้มายังสถานที่ที่พระพุทธองค์เคยเสด็จมาในครั้งพุทธกาล ....กราบ กราบ กราบ พระองค์ท่าน ด้วยความนอบน้อมอย่างหาที่สุดมิได้
          ข้อเตือนใจในการจาริกสถานที่แห่งนี้ คือ การที่พระพุทธองค์ทรง ห้ามไม่ให้พระสาวกแสดงปาฏิหาริย์ ด้วยว่าให้คนศรัทธาในพระธรรมคำสอนเป็นแก่นแท้ คนส่วนใหญ่จะชอบปาฏิหาริย์ ชอบความพิเศษ ชอบอิทธิฤทธิ์ มากกว่าบุญฤทธิ์  การปฏิบัติธรรมนี้ปฏิบัติเพื่อละวาง ความวิเศษเหล่านี้ไม่ใช่ทางที่จะเสียเวลาแวะชม เพราะเวลาในโลกมนุษย์นี้แสนสั้น ดังคำกล่าวที่สมเด็จพระสังฆราชท่านว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก" ปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์ ความวิเศษการเห็นภพภูมิอื่น ต่างๆเหล่านี้  ไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะเอา หรือยึดติด เป็นสิ่งที่ทำให้เราหลงไปได้  แต่ท้ายที่สุดแล้วกับคนบางจำพวกที่ดัดได้ยาก เช่น พวกเดียรถีย์ท่านจึงจำเป็นต้องแสดงปาฏิหาริย์ เพื่อให้ยอมพ่ายแพ้ไปในที่สุด 
          เรื่องราวอันน่าประทับใจในการจาริกยังเมืองสาวัตถีคงจะจบลงในวันนี้  กองทัพธรรมเดินทางเข้าที่พัก ฉันน้ำปานะและพักผ่อนเพื่อเตรียมเดินทางจาริกในวันต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น